“เวลา หลังสวน” ชวนกินดื่มอย่างมีระดับ กับ 10 ร้านแนวหน้าที่ห้ามพลาด !

“เวลา หลังสวน” ชวนกินดื่มอย่างมีระดับ กับ 10 ร้านแนวหน้าที่ห้ามพลาด !

“เวลา หลังสวน” เปิดเฟส 2 จุดนับพบคนรักอาหาร ที่ต้องห้ามพลาด กับ 10 ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน การันตีคุณภาพจากฝีมือเชฟชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารระดับดาวมิชลินและแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ รวบรวมไว้แล้วที่นี่ คอมมูนิตีมอลล์ที่จะทำให้เวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนใจสมบูรณ์แบบ เวลาที่ได้ดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ เวลาที่มีความหมายกับมิตรภาพ และประสบการณ์สุดพรีเมียม

ในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือภาระมากมายที่ต้องสะสาง คุณใช้เวลาในการพักผ่อนไปกับอะไร ? หากคำตอบคืออาหารดี ๆ สักมื้อ บรรยากาศร่มรื่นที่ช่วยเติมความสดชื่น และการพักผ่อนกับคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก เพื่อนฝูง หรือเจ้าเพื่อนรักสี่ขา “เวลา สินธร วิลเลจ หลังสวน” อาจเป็นสถานที่ที่คุณกำลังมองหา

“เวลา หลังสวน” รวม 10 ร้านอาหารแนวหน้าจากฝีมือเชฟชื่อดังระดับดาวมิชลิน และแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ ครบครันทั้งอาหารคาวและหวาน การันตีความอร่อยและประสบการณ์ที่เหนือระดับ พรีเมียมด้วยวัตถุดิบชั้นดีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน บรรยากาศร้านที่มีสไตล์ และเรื่องราวที่ผสมผสานกับทุกคำ ให้ความอร่อยไม่ได้อยู่แค่ที่ปลายลิ้น แต่อยู่ในความทรงจำ และทุกประสาทสัมผัส ที่หากได้ลิ้มลองสักครั้งก็คงพูดได้ว่า คุ้มค่ากับประสบการณ์ที่ได้รับ

พามาเริ่มกันที่ 1. Maison RORU ซูชิแฮนด์โรล จากฝีมือเชฟชื่อดังอย่าง เชฟมาซาโตะ ชิมิซุ ผู้มีชื่อเสียงด้าน Sushi Omakase และคุณปลา อัจฉรา บุรารักษ์ เจ้าของร้านไอศกรีม iberry และร้านอาหารในเครืออีกมากกว่า 10 แบรนด์ เมซง โรรุ จึงถือเป็นก้าวใหม่ที่เข้ามาสู่อุตสาหกรรมอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น

เมซง ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายถึง บ้าน และโรรุ คือโรล ตามการออกเสียงของชาวญี่ปุ่น เมื่อสองคำนี้รวมกันจึงหมายถึง บ้านแห่งการโรล ที่นำเสนอซูชิแฮนด์โรล จากวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม รังสรรค์ด้วยความใส่ใจและพิถีพิถัน เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้สัมผัสกับรสชาติอัดยอดเยี่ยม ในราคาที่จับต้องได้ และนอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มสาเก ที่คัดสรรมาอย่างดี ให้ได้รสชาติที่อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว พร้อมสำหรับการสังสรรค์ในมื้อพิเศษ หรือจะในวันสบาย ๆ ได้อย่างเป็นกันเอง ทั้งกลางวันและกลางคืน ภายใต้แนวคิด Maison RORU (Handroll & Sake Bar)

2. VILAS ร้านอาหารไทยสมัยใหม่แบบนีโอคลาสสิก ภายใต้การนำทีมของเชฟปริญญ์ ผลสุข เจ้าของร้านอาหารไทยขึ้นชื่ออย่าง สำหรับสำรับไทย ที่ได้รับการันตีคุณภาพจากรางวัลมิชลิน 1 ดาว และในครั้งนี้ได้ขยายความสำเร็จ ด้วยการเปิดตัว วิลาศ ขึ้น โดยมีคอนเซ็ปต์คือ การนำเอาวัตถุดิบอาหารจากนานาชาติ มาปรุงเป็นอาหารไทยด้วยเทคนิคอย่างไทยโบราณ ให้ได้รสชาติจัดจ้านแบบไทย ๆ แต่ให้ความแปลกใหม่ตามฉบับวิลาศ เช่น พล่าเต้าเจี้ยวหอยเชลล์ญี่ปุ่น ขนมครกหลนปลาเค็มกุ้งแดง ข้าวมันปลาไหลญี่ปุ่นย่างฉู่ฉี่ ข้าวเกรียบมะระน้ำพริกไข่ปู เมนูสุดแปลกแต่อร่อยอีกมากมาย ที่หาทานได้เฉพาะที่ วิลาศ

วิลาศ จึงเป็นพื้นที่ไร้พรมแดนที่ทำให้วัฒนธรรมอาหารจากหลากหลายแห่งสามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยยังคงเอกลักษณ์ความอร่อยที่สืบทอดเป็นภูมิปัญญาออกมาได้ และนอกจากจะมีอาหารรสเลิศให้ได้รับประทานกันแล้ว ยังมีเครื่องดื่มอีกมากมายให้ได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นอย่างน้ำผลไม้ หรือจะเป็นเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ก็มีสาโทจากเหล้าท้องถิ่น สาเก ค็อกเทล และคราฟต์เบียร์ เหมาะกับวันแห่งการสังสรรค์

ไม่เพียงเท่านี้ บรรยากาศในร้านที่ตกแต่งด้วยสีสันสดใส มีองค์ประกอบแบบไทยที่ถูกนำเสนออย่างร่วมสมัย หรือจะเป็นภาพที่แขวนเรียงรายอยู่รอบร้าน ก็ชวนให้ชื่นชม และเรียนรู้วัฒนธรรมอันหลากหลายไปพร้อมกับมื้ออาหารพิเศษ ก็ทำให้ได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ ที่อยากชวนให้ได้มาลองสักครั้ง

3. JTAP (เจ๊แท็ป) ร้านอาหารไทยร่วมสมัย โดยเชฟแท็ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล เจ้าของร้านอาหารไทยระดับ 1 ดาวมิชลิน Coda Bangkok โดยเจ๊แท็ปก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เชฟแท็ปจะเสิร์ฟความอร่อย จัดจ้าน เข้มข้นด้วยวัตถุดิบอาหารแบบไทย ๆ

 

ทั้งเมนูต้ม นึ่ง ผัด ทอด ย่าง ที่ปรุงขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่ประณีตทุกรายละเอียด จนสามารถถ่ายทอดความอร่อยออกมาได้อย่างน่าประทับใจ สมกับชื่อร้านที่เชฟแท็ปพูดติดตลกออกมาว่า ร้านอาหารอร่อย ๆ หลายร้าน ก็มักใช้คำว่า เจ๊ นำหน้า ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะทุกเมนูที่นี่ พิเศษด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ปรุงออกมาอย่างลงตัว ทำให้ทุกส่วนผสมส่งเสริมกันและกัน ออกมาเป็นรสชาติที่คงถูกปากใครหลายคนอย่างแน่นอน

4. LAWOI’ ร้านอิซากายะสไตล์ไทย ของเชฟชื่อดังระดับเอเชียอย่าง เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เจ้าของร้าน ‘Le Du (ฤดู)’ มาตรฐาน 1 ดาวมิชลิน และแบรนด์ร้านอาหารไทยในเครืออีกมากมาย ร่วมกับคุณเมย์ จิรัฐฐา ค้ำพันธุ์ กับร้านล่าสุดอย่าง ละโวยจ ชื่อนี้มีที่มาจากคำว่า อุรักลาโวยจ หมายถึง คนแห่งท้องทะเล ที่ถ่ายทอดคอนเซปต์ของร้านได้เป็นอย่างดี สังเกตได้ตั้งแต่บรรยากาศร้านที่ถูกตกแต่งให้ดูเสมือนกับอยู่ภายในถ้ำของชาวเลจริง ๆ ที่พื้นมีแสงสีฟ้าสาดส่อง ดูเหมือนกับแสงที่กระทบผิวน้ำทะเล หน้าเคาน์เตอร์บาร์มีภาพเขียนรูปปลา

และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้ คือ อาหารทะเลสด ๆ ที่ส่งตรงจากทะเลอันดามันแบบวันต่อวัน ทำให้ในแต่ละวันก็อาจได้ปลาที่ไม่ซ้ำกัน ตามแต่ฤดูกาลและปลาที่ชาวประมงจับได้ โดยวัตถุดิบเหล่านี้ก็จะถูกนำมาเสิร์ฟทั้งแบบซาซิมิ และแบบที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงสุก ด้วยเทคนิคที่ยังคงความอร่อยของวัตถุดิบที่สดใหม่ผสมผสานการปรุงจากฝีมือชั้นเลิศ ออกมาเป็นเมนูต่าง ๆ ให้เลือกสรรกันได้ตามชอบ

ขึ้นชื่อว่า อิซากายะ ก็ต้องมีเครื่องดื่มชั้นดีอย่างสาเก หรือไวน์ จับคู่กับอาหารทะเล ที่ส่งเสริมรสชาติกันได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า ละโวยจ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการแฮงเอาต์ที่คนรักอาหารทะเลไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง กับความอร่อย สดใหม่ และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและเครื่องดื่มคุณภาพดี

5. ลูกอินลูกจัน ร้านอาหารไทย ของเชฟต้อย พิไลพร คำหนัก ที่มีชื่อเสียงจากครัวร้านเสน่ห์จันทน์ ระดับ 1 ดาวมิชลิน และการเปิดตัวครั้งนี้มาในชื่อ ลูกอินลูกจัน ภายใต้คอนเซปต์ #เมนูลับหลังร้าน ที่จะนำเสนอความอร่อยจัดจ้านของอาหารไทย ด้วยการประยุกต์สูตรดั้งเดิม เข้ากับความครีเอตของเชฟ เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยถูกปากไม่เหมือนใคร กับบรรยากาศร้านที่เป็นกันเอง ให้ความรู้สึกสบาย ๆ

จัดเต็มความอร่อยได้กับหลากหลายเมนู ครบเครื่องทั้งคาวหวาน เช่น เมนูที่ขายดีที่สุดอย่าง ข้าวไข่ขยี้กุ้ง เมนูธรรมดา ๆ ที่รสชาติไม่ธรรมดา, บะหมี่ต้มยำทะเล รสจัดจ้านถึงเครื่อง หรือจะลองเพิ่มดีกรีความแปลก ก็มี ขากบคั่วพริกเกลือ ให้ได้ลิ้มลองกัน ตบท้ายด้วยของหวาน และเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นด้วยผลไม้เปรี้ยวหวานอย่าง ปี๊ดว่ะ ที่เปรี้ยวปี๊ดสมชื่อ นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมายที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อย จะมาพักผ่อนกับครอบครัว คนที่รัก หรือแฮงเอาต์กับเพื่อนฝูง ก็สะดวกทุกโอกาส

6. Tonkatsu AOKI ร้านหมูทอดทงคัตสึชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่น หนึ่งในแบรนด์ภายใต้เครือ MAGURO Group การันตีด้วยรางวัล Top 100 ร้านทงคัตสึ โดย Tabélog เว็บไซต์รีวิวร้านอาหารชื่อดังของญี่ปุ่น สะท้อนคุณภาพด้านรสชาติและการบริการที่ได้รับการยอมรับจากทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ด้วยศิลปะการทำแบบ “เซ็นมงเต็น” ซึ่งคือศาสตร์ของการทำอาหารอย่างสมบูรณ์แบบ ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่วัตถุดิบ การปรุง ไปจนถึงเทคนิคสูตรลับเฉพาะ จากเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านการทำทงคัตสึ เพื่อให้ทุกจานได้รสชาติที่อร่อยที่สุด เนื้อหมูมีความนุ่มชุ่มฉ่ำ ทอดให้กรอบนอกนุ่มใน ปรุงรสกลมกล่อมกำลังดี เสิร์ฟคู่ เกลือ 3 ชนิด เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติแบบใหม่ และพิเศษด้วยข้าว ที่คัดสายพันธุ์พิเศษ ได้รับรางวัล “Special A” จากฮอกไกโด หุงด้วยหม้อแรงดัน จึงได้ข้าวที่มีความหอม นุ่ม และในทุกเซ็ตจะเสิร์ฟซุปทงจิรุ รสกลมกล่อม หอมมิโซะ และอุดมไปด้วยผักหลากชนิด  นอกจากรสชาติความอร่อยแบบต้นตำรับญี่ปุ่นแล้ว บรรยากาศภายในร้านก็ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ให้ความคลาสสิก อบอุ่น โดยไม่ต้องบินไกลถึงญี่ปุ่น แต่อยู่ที่ใจกลางกรุงเทพฯ แล้ว !

 

7.  Kad Kreamery คาเฟ่ขนมหวานที่โดดเด่นเรื่องไอศกรีมและคุกกี้อบสด จากฝีมือเชฟลูกครึ่งฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น จึงนำเทคนิคฝรั่งเศสสุดคลาสสิก และความใส่ใจละเมียดละไมแบบญี่ปุ่น มารังสรรค์คุกกี้ ไอศกรีม และเครื่องดื่มสูตรเฉพาะของร้าน ให้ได้ไอศกรีมเนื้อแน่น ผลิตจากนมและผลไม้ไทยโดยไม่ใส่สารกันบูด คุกกี้กรอบนอกนุ่มใน และช็อกโกแลตหอมเข้ม มีรสชาติที่ซับซ้อนเป็นเอกลักษณ์ จากวัตถุดิบท้องถิ่นระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดโกโก้ ผลไม้ตามฤดูกาล ล้วนมาจากเกษตรกรไทย เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและยกระดับวัตถุดิบของไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้น

 

Kad Kreamery ใส่ใจทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด อร่อย และไม่เหมือนใคร ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ด้วยแนวคิด Bean-to-Bar ผ่านกระบวนการตาก คั่ว โม่ ทำให้ได้กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นจากโกโก้แท้ ๆ เสิร์ฟในบรรยากาศอบอุ่นและมีสไตล์ ที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างมีเอกลักษณ์ สัมผัสเสน่ห์ที่ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด ต้องแวะมาที่ Kad Kreamery

8. Get Some Coffee แบรนด์กาแฟสเปเชียลตีชื่อดังจากเกาหลีใต้ นำเข้ามาให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟสุดพิเศษได้แล้ว สาขาแรกในไทยที่ เวลา หลังสวน ที่ต้องเป็น Get Some Coffee เพราะกาแฟของที่นี่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นกับเมนูซิกเนเจอร์อย่าง อัฟโฟกาโตแอปเปิลครัมเบิล, ดัตช์เปปเปอร์, เดอร์ตีคาปูชิโน่

และยังมีขนมหวานมากมายให้ได้ทานคู่กับเครื่องดื่ม เพื่อเติมพลังก่อนเริ่มวัน เช่น ขนมปังเกลือ สโคนแอปเปิลซินนามอน คุกกี้รสต่าง ๆ ด้วยบรรยากาศร้านสบาย ๆ เป็นกันเอง

9. CHICHA San Chen ชาระดับพรีเมียมจากไต้หวัน ที่ถูกเปรียบกันว่าเป็น Hermes ของวงการชา และยังเป็นแบรนด์เดียวของโลกที่ได้รับ รางวัลถึง 3 ดาวมา 6 ปีซ้อน (เทียบเท่าดาวมิชลินถึง 3 ดาวเลยทีเดียว) ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของ International Authority ITI certification ด้วยคุณภาพวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่สายพันธุ์ ถิ่นปลูก ฤดูการเก็บเกี่ยว การผลิต เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ CHICHA San Chen เป็นชายอดนิยมที่มีสาขามากกว่าร้อยสาขาทั่วโลก และเป็น Must visit ของคนไทยเมื่อไปเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ขนาดที่ว่าต้องรอแถวยาวเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว

แต่ตอนนี้ ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศก็สามารถดื่มด่ำชาคุณภาพพรีเมียมได้แล้ว ที่ เวลา หลังสวน กับหลากหลายเมนู เช่น ชานมไข่มุก, ชาอู่หลงตุ้งติ่ง, ชาเขียวเสาวรส, ชาครีมมี่เลม่อนทาร์ต โดยชาทุกแก้วจะถูกสกัดใหม่แก้วต่อแก้ว ด้วยเครื่องชง Teapresso ลิขสิทธิ์เฉพาะของร้าน CHICHA San Chen เพื่อเสิร์ฟประสบการณ์สุดพิเศษที่จะยกระดับวงการชาในไทยไปอีกขั้น

10. HEAP ร้านอาหารสไตล์นั่งชิล ที่คัดสรรเมนูมาทั้งอาหารไทยรสเด็ดและอาหารฝรั่งฟิวชั่น ปรุงขึ้นด้วยความใส่ใจ พิถีพิถัน เพื่อให้อาหารทุกจานอร่อยและมีคุณภาพดี พร้อมด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์สูตรพิเศษของทางร้าน และเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกมากมาย ให้ได้เลือกสังสรรค์กันตามชอบ ในบรรยากาศแห่งความสนุกจากวงดนตรีสดทุกคืน เพื่อประสบการณ์ไนท์ไลฟ์ที่ครบรสความบันเทิง และความอร่อยแบบจัดเต็ม

เติมเต็มความสุข ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยคุณภาพชีวิตที่สะดวกสบาย ครบทุกความต้องการ และเต็มอิ่มกับประสบการณ์กินดื่มอย่างมีระดับ ในจุดนัดหมายแห่งการพักผ่อนหย่อนใจและพบปะสังสรรค์ได้ทุกช่วงเวลาของวัน ที่ เวลา หลังสวน ชั้น B1

 

เขียนและเรียบเรียง : โพธิยา พาภักดี

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+  : https://lin.ee/pbIHCuS

IG  : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#TheBusinessPlus #BusinessPlus