The Success Story of The Month : New Era Hair Restoration Surgery “พญ.กชมล มโนนุกุล” ผู้บุกเบิกการปลูกผมยาวในประเทศไทย

The Success Story of The Month ByBusiness Plus ฉบับเดือนมีนาคม 2568 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก “พญ.กชมล มโนนุกุล” หรือ หมอเบิร์ด แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง ชำนาญโรคเส้นผม และการผ่าตัดปลูกผม ประจำ Vdesign Hair  ซึ่งจะมาพูดคุยถึงเส้นทางและความสำเร็จที่ทำให้หมอเบิร์ดได้รับการยกย่องว่า มีความชำนาญด้านการรักษาและการปลูกผมในระดับนานาชาติ และยังเป็นแพทย์ผู้บุกเบิกการปลูกผมยาวในประเทศไทย

New Era Hair Restoration Surgery

“พญ.กชมล มโนนุกุล” 

ผู้บุกเบิกการปลูกผมยาวในประเทศไทย

ปลายปีที่แล้ว ในสหรัฐอเมริกา แพทย์หญิงไทยรายหนึ่ง “พญ.กชมล มโนนุกุล” ได้รับการยกย่องจาก American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับรองแพทย์ด้านการผ่าตัดปลูกผมโดยเฉพาะ ว่าเธอทำคะแนนสอบ Oral Exam สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

แน่นอนว่า ข่าว ๆ นี้ เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของวงการสาธารณสุขของไทยและก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอ “พญ.กชมล มโนนุกุล” หรือ หมอเบิร์ด โดยตำแหน่งล่าสุดเธอยังพ่วงดีกรี ผู้อำนวยการแพทย์ ประจำ Vdesign Hair Center ภายใต้การบริหารของโรงพยาบาลวิภาวดี

เส้นทางและความสำเร็จของ “พญ.กชมล มโนนุกุล” หรือ หมอเบิร์ด เรียกได้ว่าน่าสนใจทีเดียว ประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยมากกว่า 5,000 Case ทั้งในและต่างประเทศ มีตารางบินเพื่อไปบรรยายให้สมาคมปลูกผมระดับนานาชาติที่แน่นมาก แม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระดับโลก ต่างยกย่องให้เธอมีความชำนาญด้านการรักษาและการปลูกผม ชนิดที่หาตัวจับยากคนหนึ่งของโลก โดยเฉพาะวิธีปลูกและต่อเส้นผมแบบยาว

Business+ ได้รับเกียรติจาก “พญ.กชมล มโนนุกุล” หรือ หมอเบิร์ด มาพูดคุยถึงที่มาที่ไป ตลอดจนการอัปเดตการดูแลสุขภาพผม หรือแม้แต่เทคโนโลยีการรักษาเส้นผมและวิวัฒนาการการปลูกผมแบบเจาะลึก

จากปัญหาผมบาง สู่ความมั่นใจเต็มร้อย

เธอเอ่ยว่า การดูแลความสวยความงามเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างปกติอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่คนเรามักให้ความสำคัญแต่การดูแลใบหน้าหรือรูปร่าง และมักจะหลงลืมหรือละเลยเรื่องการดูแล “ผม” ก่อนที่จะสาย

“ที่จริงแล้วผมเป็นอวัยวะที่สำคัญไม่แพ้กัน สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักลืมไปเลยก็คือ ไม่ว่าคุณจะหน้าสวย หุ่นดีแค่ไหน ถ้าผมบางก็คือจบ เพราะผมบางเมื่อไหร่ก็คือเราจะดูแก่ไว ไม่อ่อนเยาว์ ดูมีอายุขึ้นมาทันที คนไข้บางรายก็จะเข้ามารักษากลุ่มบำรุงผม ปลูกผมให้ผมดูหนาขึ้น”

หมอเบิร์ดตอกย้ำประเด็นนี้เพิ่มเติมถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปในวันนี้ว่า “ในอดีตคนอาจโฟกัสเพียงเรื่องปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือศีรษะล้าน ซึ่งเป็นปัญหาของคนสูงวัย แต่ปัจจุบัน การดูแลเส้นผมกลับมี “อิทธิพล” มากกว่านั้น เพราะสามารถส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพของแต่ละคนอีกด้วย นั่นเพราะว่าก่อนหน้านี้เราจะรู้จักแค่ว่า คนต้องการปลูกผมคือคนที่ศีรษะล้าน ซึ่งมักเป็นตอนที่เรามีปัญหาแล้ว แต่ยุคนี้จะเห็นว่าเริ่มตั้งแต่การดูแลแต่เนิ่น ๆ คือ ในวัยหนุ่มสาวหรือบางรายอาจเริ่มการดูแลป้องกันตั้งแต่วัยเด็กเลย”

ขณะที่ในปัจจุบันหลายคนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมการดูแลเส้นผม ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ทำให้ธุรกิจปลูกผม จึงเริ่มมีกลุ่มเป้าหมายที่ขยายกว้างมากขึ้นและมีความนิยมมากขึ้น

“ลูกค้าเราหลายคนที่เข้ามาปลูกผม แล้วกลับไปเขาจะมีฟีดแบ็กกลับมาเลยว่า ทุกคนจะทักว่าเขาดูเด็กลงกว่าวัย ซึ่งพอดูเด็กลง มีผมเต็ม เขาก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น เป็นการพัฒนาบุคลิกภาพและทําให้เขามีศักยภาพในการทํางานของเขาเองได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เพราะฉะนั้นคนไข้เราส่วนใหญ่ ระยะหลังเป็นกลุ่มคนที่ไม่ใช่ผู้สูงวัยอย่างเดียว แต่จะเป็นคนที่อาจจะต้องออกสื่อตลอดเวลา นักธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูง เหล่านี้เป็นกลุ่มคนไข้หลักของเราในตอนนี้”

คุณหมอเบิร์ดยังเผยอีกแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นและน่าจับตาอย่างมาก นอกจากเรื่องของการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหา ยังเกิดเทรนด์การปลูกผมเพื่อเติมเต็มใบหน้า ปลูกผมสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเอง ไปจนถึงการปลูกผมเพื่อปรับรูปหน้า ถือเป็นอีกกระแสที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นคนไข้กลุ่มอายุน้อยลงมา

“ในความเป็นจริงคนเราอาจไม่ได้เกิดมาด้วยหน้าตาที่มีหน้าผากสวยได้รูป ทรงผมได้รูปเสมอไป หรือไม่ได้เกิดมาใบหน้ารูปไข่ได้รูปทุกคน บางคนก็จะมีความเว้าแหว่งหรือหน้าผากสูงขึ้นไป ทําให้หน้าเขาดูไม่สวย อาจจะไม่มีความมั่นใจในการรวบผม เราสามารถใช้การปลูกผมมาเป็นการปรับรูปหน้าได้ ให้ใบหน้าดูสวยหล่อขึ้น แล้วก็มีความมั่นใจได้มากขึ้นด้วย อย่างที่ VDesign Clinic เรามีลูกค้าที่อายุน้อยสุดคืออายุ 16 บางคนคุณพ่อคุณแม่จูงลูกมาแล้ว”

วิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีการปลูกผม

ขณะเดียวกัน จากการที่ธุรกิจปลูกผมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การปลูกผมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งคุณหมอเบิร์ดอธิบายว่า ในอดีตการปลูกผมอาจเป็นเรื่องที่ดูไกลตัวและน่ากลัว แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน การปลูกผมจึงกลายเป็นทางออกที่เข้าถึงได้ง่าย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น ๆ

“เดี๋ยวนี้คนเริ่มรู้แล้วว่าผมเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเจอ แค่เป็นมากหรือน้อย ปัจจุบันเทรนด์คือ เขาเริ่มมาดูแลป้องกันไว้ตั้งแต่ก่อนที่ผมอาจจะหายไป และนอกจากที่มาเพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ปัจจุบันหลายคนก็เข้ามาเพื่อวางแผนอนาคตด้วย เช่น บางรายมีพันธุกรรมในครอบครัว ศีรษะล้านตั้งแต่อายุยังน้อย หรือศีรษะล้านจนผมหายไปทั้งหมดเลย เขาก็จะเริ่มมาปรึกษาเพื่อที่จะหาว่า ทําอย่างไรให้ศีรษะเขาไม่ล้านในอนาคต ซึ่งปัจจุบันการรักษามีหลายรูปแบบมาก”

ในฐานะแพทย์ปลูกผมที่คลุกคลีในวงการมากกว่า 10 ปี คุณหมอเบิร์ดเล่าว่า ปัจจุบันโลกการปลูกผมมีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปไกลอย่างมาก หากเทียบกับในอดีต โดยเทคโนโลยีการปลูกผมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากอดีตเป็นการผ่าตัดที่ต้องพักฟื้นนาน มาสู่วิธีที่ล้ำสมัยและเจ็บน้อยลง ซึ่งปัจจุบันมีคลินิกและโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลก ที่นำเสนอเทคโนโลยีการปลูกผมแบบล้ำสมัย และแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นและเทคนิคที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญคือ การศึกษาข้อมูลและเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการปลูกผม

“ตอนที่เรียนปลูกผม เมื่อ 10 ปีก่อน การปลูกผมมีแค่ 2 วิธี คือ FUT และ Shaven FUE โดยวิธีแรกสุดเลย เรียกว่า FUT ย่อมาจาก Follicular Unit Transplantation เป็นวิธีการปลูกผมแบบเดิมที่เคยได้รับความนิยม โดยจะเป็นการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังของผู้เข้ารับการปลูก ตัดออกมาเป็นชิ้นยาว ๆ (Strip) จากนั้นก็นำหนังศีรษะที่ได้มาหั่นเพื่อแยกกลุ่มเส้นผมออกมาเป็นกอเล็ก ๆ หรือที่เรียกกันว่า “กราฟผม” แล้วจึงนำกราฟผมที่ได้ย้ายมาปลูกยังบริเวณที่ต้องการที่ได้มาร์กจุดไว้แล้ว

และต่อมายังพัฒนาสู่วิธีการปลูกแบบ FUE หรือ Follicular Unit Extraction เป็นวิธีการย้ายเซลล์รากผม โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาว แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก และไม่มีแผลเย็บ

“วิธีนี้จะมีการปลูกผมเปลี่ยนจากการผ่าตัด มาเป็นการเจาะกอรากผมทีละกอออกมาจากด้านหลังคนไข้ แต่ช่วงนั้น ตอนที่เราเจาะกอ คนไข้จําเป็นจะต้องโกนผมด้านหลังเพื่อให้เห็นทิศทางของกอผมชัดเจน ซึ่งพอโกนผมด้านหลัง ทำให้คนไข้ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้อีก เพราะคนอื่นก็จะเห็นเป็นหัวที่ถูกโกนผมแล้วมีรูแผลเจาะเต็มไปหมด มันก็ดูไม่สวยงามอยู่ดี คนไข้ก็จะใช้ชีวิตลำบาก” คุณหมอเบิร์ดเผยถึงวิวัฒนาการปลูกผมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การปลูกแบบ FUE คือจะปลูกถ่ายเซลล์รากผมเข้าไปในบริเวณที่ผมเกิดการร่วง บาง หรือในพื้นที่ที่ต้องการ ซึ่งเมื่อผมเกิดการงอกใหม่จะไม่หลุดร่วงซ้ำ โดยขั้นตอนหลัก ๆ แพทย์จะนำเครื่องมือที่มีหัวเจาะขนาดเล็ก เจาะลงไปรอบ ๆ กอผมบริเวณท้ายทอย เนื่องจากเป็นรากผมที่แข็งแรงกว่าส่วนอื่น ๆ หลังจากนั้นก็จะนำรากผมที่ได้จากท้ายทอยของผู้เข้ารับการปลูก มาทำการปลูกถ่ายลงในตำแหน่งที่ต้องการโดยทำทีละราก เพื่อให้ผมที่งอกใหม่ออกมาดูเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ”

ด้วยวิธีปลูกแบบ Non-shaven FUE ซึ่งเป็นวิธีการปลูกผมแบบใหม่ที่ไม่ต้องผ่าตัดหรือไม่ต้องโกนผมด้านหลัง จึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังถูกพูดถึงเพิ่มขึ้นกันในวงกว้าง เพราะเป็นการปลูกผมโดยไม่ต้องโกนผม จึงไม่เห็นแผลทางด้านหลัง ซึ่งกราฟผมที่นำมาปลูก สามารถทำได้ทั้งแบบผมสั้น (Short hair) และแบบผมยาว (Long hair) ซึ่ง VDesign ได้นําเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวนี้เข้ามาจากเกาหลีใต้

“วิธีนี้เป็นการปลูกผมแบบไม่ต้องโกน ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตปกติได้เลยทันที มาทรงไหนเราออกไปจากคลินิกทรงนั้นเลย สามารถไปกินข้าวต่อได้เลย สระผมได้เลย ซึ่งเทคโนโลยีนี้เสมือนเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้วงการปลูกผมเปลี่ยนยุคไปเลย เพราะเปลี่ยนจากการปลูกผมที่ดูใช้ชีวิตลําบาก แต่เทคนิคใหม่นี้ คนไข้สามารถเดินเข้ามาใช้บริการ แล้วก็สามารถสวยกลับออกไปได้เลย ไม่ต้องมีระยะเวลาพักฟื้น ซึ่งที่มาที่ทาง VDesign Clinic เลือกนำเข้าเทคโนโลยีนี้ คุณหมอเบิร์ดเปิดเผยว่า

“ตอนนั้นเบิร์ดเองมีความคิดในใจว่า ทําอย่างไรให้คนไข้ของเราสามารถปลูกผม แล้วสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เราถึงไปหาข้อมูล เราค้นข้อมูลไปเจอว่าอาจารย์ที่คิดค้นเทคนิคการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนและปลูกผมยาว อยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เราก็เลยบินไปเรียนกับอาจารย์ที่นั่นมาและนําเข้ามาในเมืองไทย ตั้งแต่เมื่อ 9 ปีที่แล้ว”

อีกจุดเปลี่ยนหนึ่งคือ วิธีการปลูกผมยาว คือจากเดิมก่อนหน้านั้น การปลูกผมจะเป็นตอสั้น ๆ เวลาปลูกเข้าไปแล้ว กว่าที่ผมจะขึ้นมาใหม่แล้วเห็นผลลัพธ์ อาจใช้ระยะเวลาแบบ 6 เดือนถึง 1 ปี แบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คนไข้ส่วนใหญ่มองว่า ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่หลังจากที่ VDesign Clinic นำนวัตกรรมด้านการปลูกผมยาวเข้ามา ยิ่งทำให้ได้รับเสียงตอบรับมากเป็นพิเศษ

“อย่างคนไข้ตอนเช้าอาจเดินเข้าด้วยสภาพศีรษะเถิกล้าน แต่เราปลูกเป็นเส้นผมยาวเลย คือจะเห็นเลยว่า มีผมออกมาเป็นทรงผมใหม่เลย พอมันเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนแบบนี้ เลยยิ่งทำให้คนไข้ดูดีขึ้นอย่างทันทีเลยภายในหนึ่งวัน และนี่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การปลูกผมค่อนข้างเป็นที่นิยมมากจนถึงปัจจุบัน”

ทำไมต้องมารักษาที่ V-Design Clinic

สิ่งที่ VDesign Clinic เน้นย้ำและให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่อเนื่อง จากรากฐานความคิดที่จะแก้ Pain Point ในแต่ละจุดของลูกค้า นำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการที่ดีกว่าของลูกค้า จนทำให้เกิดรูปแบบการบริการใหม่ที่คุณหมอเบิร์ดให้ข้อมูลว่า

“เดิมการรักษากลุ่มการบำรุงมีหลายวิธี ล่าสุดที่นิยมทำกันคือ การฉีดเซลล์รากผมตัวเอง ซึ่งนำมาจากกอผมทางด้านหลังนำมาแยกเป็นเซลล์ขนาดเล็ก เมื่อนำมาฉีดบริเวณที่มีผมบางจะสามารถกระตุ้นให้ผมแข็งแรงและหนาขึ้นได้ แต่เรามองปัญหามันเกิดขึ้นที่ว่า ถ้าคนไข้จะทําต่อเนื่องทุกปี นั่นหมายถึงเขาต้องเอาผมด้านหลังไปแล้วฉีดครั้งต่อครั้ง มันได้ผลจริง แต่ทุกครั้งเขาก็จะมาเสียดายผมทางด้านหลัง ซึ่งนวัตกรรมล่าสุด ราว 2 ปีที่ผ่านมา เรานําเซลล์รากของเส้นผมไปเพาะเพิ่มจํานวน เพื่อให้เป็นเซลล์จํานวนมากขึ้น เก็บเอาไว้ในแบงก์ ที่เป็น Hair Bank ให้คนไข้ โดยวิธีนี้จะช่วยให้คนไข้สามารถวางแผนในการดูแลผมของเขาไปได้ตลอดเลย เมื่อไหร่ที่เขาต้องการมาใช้บริการ รู้สึกว่าผมบางมากขึ้นก็สามารถเบิกเซลล์จาก Hair Bank มาฉีดได้เลย ซึ่งล็อตหนึ่งอาจจะอยู่ได้ประมาณ 10 ปี และคนไข้สามารถจะมีหลายล็อตได้ เพราะฉะนั้นมันจึงมีเพียงพอให้กับคนไข้คนนั้นอยู่ไปได้ตลอดชีวิตของเขา”

แต่กว่าจะพัฒนามาถึงจุดนี้ได้นั้น คุณหมอเบิร์ดยอมรับว่า “การพัฒนาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้จะมองว่าเป็นการเพาะเลี้ยงเซลล์เหมือนกัน ทว่าการเพาะเลี้ยงเซลล์ผมนั้นมีความแตกต่าง ทำให้ต้องมีการคิดค้นหาน้ำยาตัวสูตรที่ใช้เพื่อเพาะเลี้ยงผมโดยเฉพาะ จึงจะทำให้เซลล์รากผมเจริญเติบโตได้ดี ก่อนหน้านั้นเราก็เพาะแล้วตายหลายรอบ กว่าจะพัฒนาจนได้เป็นตัวน้ำยาชุดมาตรฐานในปัจจุบัน ซึ่งเพาะเซลล์รากผมได้ แล้วก็สามารถเพิ่มจํานวนเซลล์ได้ตามต้องการด้วย”

เคล็ดลับเลือกคลินิกปลูกผมอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลจริง

ปัจจุบัน คลินิกรักษาและปลูกผมในไทยเกิดขึ้นเป็นร้อยแห่ง มีคำถามสำคัญสำหรับคนไข้ว่า เราจะเลือกคลินิกที่เหมาะสมได้อย่างไร ? ซึ่งคุณหมอเบิร์ดให้คำแนะนำในเรื่องนี้ว่า “ต้องให้ดูให้ดีว่าคนที่มาปลูกผมเรา เขาเป็นแพทย์หรือไม่ อย่างไร อันดับที่ 2 คือเขาเป็นหมอด้านนี้โดยตรงหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เรามองว่าเป็นสิทธิของคนไข้ว่าพึงพอใจที่จะรับบริการหรือไม่อย่างไร ซึ่งเราสามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์เฉพาะทางได้ด้วยตัวเอง ทางสมาคมแพทย์ปลูกผมแห่งประเทศไทย หรือทางอเมริกันบอร์ดเขาจะมีรายชื่อแพทย์อยู่แล้ว เพราะเวลาคนพูดด้วยปากเรามองว่าใครก็พูดได้ แต่ถ้าเอาให้ชัวร์ก็คือใส่ชื่อไปเช็กเลยดีกว่า”

คุณหมอเบิร์ดมีความเชื่อว่า แพทย์จะเป็นคนที่ดูแลรักษาเรื่องผมและหนังศรีษะคนไข้ได้ดีที่สุด มากกว่าคนอื่นที่อาจจะไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์เลย เพราะว่าแพทย์จะรู้โครงสร้างหนังศีรษะ โครงสร้างของรากผม ซึ่งในความเป็นจริง รากผมของคนเราไม่ใช่อวัยวะที่ทนทานขนาดนั้น หากถอนเส้นผมออกมาจากหนังศีรษะในเวลานานเกินไป หรือรากผมบอบช้ำ กราฟผมก็สามารถตายได้ ปลูกไปก็มีโอกาสไม่ขึ้น เบิร์ดจึงอยากให้คนไข้ทุกคนได้รับการดูแลและบริการโดยแพทย์ทุกขั้นตอน 100%”

จากแพทย์ปลูกผมระดับประเทศ สู่การยอมรับในเวทีนานาชาติ

ถ้าพูดถึงบุคลากรทางการแพทย์ของไทยที่เป็นที่ยอมรับจากแพทย์ต่างชาติแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณหมอเบิร์ด คือแพทย์ปลูกผมของไทยที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดท่านหนึ่ง

นอกจากการเป็นแพทย์ 1 ใน 30 ท่าน ของสมาคมแพทย์ปลูกผมแห่งประเทศไทย ที่มีทั้งความเฉพาะทางเรื่องผิวหนังแล้ว ยังมีความชำนาญด้านการปลูกผมโดยตรง โดยเฉพาะทางสาขาโรคเส้นผมและการผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นผม และคุณหมอเบิร์ดยังเป็นแพทย์อเมริกันบอร์ด American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) Member of the international Society of Hair Restoration Surgery สมาชิกสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) ด้วย

นอกจากนี้ คุณหมอเบิร์ดยังเป็นแพทย์คนแรก ๆ ในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองจาก Dr. Jae Hyun Park (แจฮยอน ปาร์ค) ผู้คิดค้นเทคนิคการปลูกผม Non-Shaven FUE และ Female Hairline ผู้อำนวยการด้านวิชาการสมาคมปลูกผมจากประเทศเกาหลีใต้ แพทย์เจ้าของสถาบันการแพทย์ชื่อดังในเกาหลีใต้ Dana Plastic Surgery Clinic แพทย์สมาชิกสมาคมการปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) ที่เป็น Speaker ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการปลูกผม และทำให้เธอได้รับใบ Certificate ที่มีความชำนาญด้านนี้

ล่าสุด เมื่อปีที่ผ่านมายังเป็นแพทย์ปลูกผมอเมริกันบอร์ด ที่ได้รางวัล Shelly A. Friedman Award จากการได้คะแนนสอบ Oral Exam สูงสุดอันดับ 1 ของโลก ซึ่งรางวัลดังกล่าว เป็นการสอบที่คุณหมอปลูกผมจากทั่วโลกจะเข้าร่วมทำการสอบ เพื่อให้ได้มาตรฐานจากอเมริกันบอร์ด ยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำถึงความชำนาญของคุณหมอเบิร์ด ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสำหรับประเทศไทย

เธอเล่าถึงประสบการณ์การสอบแข่งขันที่ต้องขับเคี่ยวอย่างหนักหน่วงล่าสุดว่า “การสอบครั้งนี้จะมีทั้งการสอบสัมภาษณ์และสอบข้อเขียน โดยจะมีอาจารย์ผู้ใหญ่มานั่งสอบถามความรู้เราอย่างละเอียดเลย ถ้าเราตอบคําถามทุกคําถามได้ ไม่ว่าจะยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งตอบได้ เราก็จะได้มาเป็นคะแนน ซึ่งจากการที่เราไปสอบครั้งนั้นเราได้คะแนนสูงสุด โดยในพาร์ตส่วนที่เราได้คะแนนสูงสุดคือการสอบ Oral สอบปากเปล่า ซึ่งจะเป็นคําถามละเอียดมาก โดยผู้สอบเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกรวมกัน ซึ่งเหตุผลที่เราสอบได้ที่หนึ่ง เชื่อว่าเกิดจากการที่เราทำงานสั่งสมประสบการณ์ด้านนี้มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ตั้งแต่จบหมอ แล้วต่อแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ในสาขาผม ทำให้เป็นการสั่งสมความรู้ และการได้อัปเดตข้อมูลความต่อเนื่องจากการเข้าร่วมประชุมงานวิชาการด้านผมระดับโลกต่อเนื่อง เลยทําให้เรามีความรู้เพียงพอที่จะไปสอบแล้วทำให้เราตอบได้”

ในฐานะเราเป็นคนบุกเบิกเรื่องวิธีการปลูกผมยาวมาตั้งแต่เมื่อ 9 ปีที่แล้ว หลังจากไปเรียนจากอาจารย์ที่ประเทศเกาหลีใต้ เลยทําให้เราเป็นคนแรก ๆ ของโลก ในการรักษาคนไข้ด้วยวิธีนี้ จนปัจจุบันแพทย์ทั่วโลกเริ่มรู้จักเราในฐานะที่เป็นแพทย์ผู้ชํานาญการทําเทคนิคปลูกผมยาวไปแล้ว ทำให้ถูกเชิญไปบรรยายและได้ผ่าตัดโชว์ในการประชุมระดับนานาชาติหรือระดับโลก ปีละหลายครั้ง เกือบทุกงาน เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า แพทย์ทั่วโลกเขาให้การยอมรับเราในฐานะผู้เชี่ยวชาญจริง”

มิชชั่นต่อไป กับการเฟ้นหาแพทย์ใจรักปลูกผมรุ่นใหม่

ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวทาง VDesign มีการรับรักษาคนไข้มาแล้วกว่า 5,000 Case ซึ่งเธอบอกว่าตัวเลขอาจมองดูไม่เยอะมากในแง่การเติบโต แต่ด้วยความที่ VDesign เน้นด้านคุณภาพและผลงานประณีต จึงเลือกที่จะปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยแพทย์ 100% ทำให้สามารถรับได้จำนวนจํากัด

“ช่วงแรก เรารับปลูกผมได้เฉลี่ย 2 คนต่อวัน แต่สุดท้าย พอเราปลูกผม 2 คนต่อวัน คนแรกเราอาจยังมีพลังอยู่ แต่พอคนที่สองเราเริ่มล้า หมดพลังแล้ว ในช่วงหลังจึงขอเป็นจํากัดตัวเองว่า รับปลูกผมแค่คนไข้คนเดียวต่อวันเท่านั้น เพื่อให้เราสามารถเพ่งความใส่ใจให้เขาได้เต็มที่ แล้วไม่ต้องรีบ ทั้งนี้เพื่อให้ผลการรักษาออกมาได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นในช่วงระยะเวลา 10 ปี คนไข้ของเราอาจไม่ได้มีเป็น 10,000 หรือ 20,000 Case ได้อย่างแน่นอน”

ปัจจุบัน VDesign Clinic มีแพทย์ด้านนี้เพียงหนึ่งคน ซึ่งก็คือคุณหมอเบิร์ด หากมองในแง่การเติบโตธุรกิจ และเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ VDesign Clinic ต้องปรับตัว โดยการเปิดรับบุคลากรแพทย์รุ่นใหม่ที่มี Passion ในสาขาอาชีพนี้มาเป็นทัพเสริม ซึ่งทั้งนี้ต้องผ่านการฝึกฝนขับเคี่ยวจากคุณหมอด้วยตัวเอง เนื่องจาก Capacity ในด้านบุคลากรแพทย์ผู้ปลูกผมค่อนข้างจํากัด จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่วันนี้ VDesign กำลังขยายกำลังคน โดยการเปิดรับแพทย์ด้านการปลูกผมเพิ่ม และเธอยอมรับว่า การจะหาคนที่ทั้งอดทนและใจรักกับงานด้านนี้ เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายทีเดียว โดยเธอเอ่ยว่า การปลูกผมอาจเรียกได้ว่า เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์ค่อนข้างสูงทีเดียว

“งานปลูกผมมันเป็นงานรายละเอียด ที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 6 ชั่วโมง ถึงบางทีอาจจะเลยไปถึง 12 ชั่วโมง บางครั้งเราต้องเจาะผมกัน 3,000 กอ แล้วปลูกมัน กลับเข้าไปทีละเส้น ทีละกอจนครบ ซึ่งหมอจะต้องเป็นคนทําเองทั้งหมด เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและใช้ความตั้งใจ ถ้าเมื่อไหร่ใจของเขาไม่อยู่กับงาน เขาจะทํางานด้วยความรู้สึกลําบากแล้วก็ทุกข์ทรมานมากเลย”

“เบิร์ดคิดในใจว่า อยากได้หมอที่ทํางานละเอียดได้ แล้วทําอย่างมีความสุข เขาจะได้มีความสุขกับงานไปได้ตลอด เพราะว่าการสอนให้เขาปลูกผมได้ ไม่ยากเท่ากับการที่จะให้เขาอยู่กับงานนี้ไปได้อย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต เราอยากให้หลังจากที่เขาทําเสร็จงาน แล้วภูมิใจตอนที่เห็นผลงานที่เขาทําด้วยความลําบากมาตลอดทั้งวัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันคือความสุขใจของคุณหมอและคนไข้ในวันนั้น

ดังนั้น แพทย์ที่จะมาทางด้านนี้ เรามองว่า เทคนิคเราสอนได้ แต่ Mindset เป็นสิ่งที่เขาต้องมีมาก่อน” คุณหมอเบิร์ดกล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม

 

 

เขียนและเรียบเรียง : ยุพาพร คุณานันท์

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+  : https://lin.ee/pbIHCuS

IG  : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business