TQM นายหน้าประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทุก Segment

ในยุคที่การค้าขายต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทุกธุรกิจต่างพยายามหาความได้เปรียบให้กับตัวเอง เพื่อสร้างขีดความสามารถที่เหนือกว่าคู่แข่ง สำหรับธุรกิจด้านประกันภัยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตให้ได้มากที่สุด

TQM ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย ถือเป็นบริษัทที่วางกลยุทธ์ธุรกิจอย่างรอบคอบ นำมาซึ่งการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และยังมีแนวคิดการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าจนสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี และนำพวกเขามาสู่รางวัล “BEST CUSTOMER EXPERIENCE AWARD 2022”

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM กล่าวถึงกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า คือ การวางแผนงานทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จากนั้นจึงมากำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าในการทำธุรกิจ

โดยปัจจัยที่ทำให้ TQM ประสบความสำเร็จ คือ Touch point ที่ได้มาจากการเก็บ Data หลังการพูดคุยนำเสนอสินค้ากับลูกค้าจำนวนมาก และนำ Data เหล่านี้มาวิเคราะห์ความต้องการของตลาด จึงทำให้ TQM มีสินค้าประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุก Segment ได้อย่างรวดเร็ว และหลากหลาย

ส่วนในแง่ของการให้บริการนั้น TQM เป็นบริษัทที่ยึดมั่นในการบริการหลังการขายมาโดยตลอด ด้วยจุดยืนที่ว่า “TQM จะไม่ใช่แค่โบรกเกอร์ที่แค่ขายเก็บเงินแล้วจบ แต่ต้องเข้าใจว่าลูกค้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุหรือต้องเคลม” ดังนั้น TQM จึงวางรูปแบบการให้บริการสำหรับลูกค้าตั้งแต่หลังการขายแบบครบวงจร

ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล
นอกจากการออกแบบสินค้าประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และการให้บริการที่ครอบคลุมแล้ว ในยุคของการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล ทำให้ทุกบริษัทต้องเร่งปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับสินค้าและบริการ ซึ่ง TQM เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้ความสำคัญด้านดิจิทัลมาโดยตลอด โดยในช่วงที่ผ่านมา TQM ได้วางแผนการ Transformation องค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการมากขึ้น จนปัจจุบันสามารถ Transform ระบบการทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากได้มีการเตรียมระบบรองรับการทำงานตั้งแต่ COVID-19 เริ่มระบาดในช่วงแรก

“เรามองเห็นว่า เทคโนโลยีช่วงหลังมีแนวโน้มการปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มาช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลเริ่มมีความจำเป็น ขณะที่ผู้บริโภคเองก็เริ่มปรับตัวไปสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น เราจึงทำการ Transformation ทั้งในส่วนการปรับนำเทคโนโลยีมาจัดการในกระบวนการทำงานมากขึ้น ขณะเดียวกันก็นำมาใช้ในการจัดการระบบงานให้ตอบสนองผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้ด้วยในเวลาเดียวกัน” ดร.อัญชลิน กล่าว

นอกจากนี้ TQM ยังเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาลอย่างสม่ำเสมอ โดย ดร.อัญชลิน กล่าวว่า TQM ตระหนักดีถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม ทุกด้านต้องได้รับการบูรณาการและขับเคลื่อนไปพร้อมกันอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้มีการวางนโยบายและแผนงานไว้หลัก ๆ ตามกรอบและแนวทางความรับผิดชอบของกิจการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ได้แก่ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการประกอบกิจการด้วยความเป็นธรรม การต่อต้านการทุจริต การเคารพสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคม รวมถึงคำนึงถึงการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

“การเก็บข้อมูลความต้องการลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการยึดมั่นที่จะให้บริการหลังการขายเป็นอย่างดี และการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน ได้ทำให้ TQM กลายเป็นโบรกเกอร์ประกันภัยที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า จนได้รับความไว้วางใจสูง นำมาซึ่งผลประกอบการที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น การันตีได้จากกำไรสุทธิที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน”

ที่มา : การสัมภาษณ์พิเศษ

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #TQM