The Success Story of The Month : The Secret of AIA Success Builds Future-Ready Agents Through Innovation and Purpose. เอไอเอ สร้างตัวแทนยุคใหม่ที่พร้อมรับอนาคต ผ่านนวัตกรรม ภาวะผู้นำ และเป้าหมายอันมีคุณค่า

The Success Story of The Month By ‘Business Plus ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก คุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย ถึงเรื่องราวและเบื้องหลังของการสร้างตัวแทนยุคใหม่ ด้วยนวัตกรรม และเป้าหมายที่ชัดเจน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มองว่า “ตัวแทน” ไม่ใช่เพียงช่องทางการขาย แต่คือ “ทรัพยากรเชิงกลยุทธ์” ที่หล่อหลอมคุณค่าขององค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อพูดถึงความสำเร็จขององค์กรในอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทย “เอไอเอ ประเทศไทย” คือชื่อที่ยังคงยืนอยู่แถวหน้าอย่างมั่นคง ด้วยรากฐานของเครือข่ายตัวแทนกว่า 55,000 คน ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนพันธกิจหลัก Healthier, Longer, Better Lives “เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” ซึ่งความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้สะท้อนจากจำนวนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงระบบบริหารจัดการที่วางรากฐานไว้อย่างเป็นอย่างดี และภายใต้วิสัยทัศน์ของคุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย ที่มอง “ตัวแทน” ไม่ใช่เพียงช่องทางการขาย แต่คือ “ทรัพยากรเชิงกลยุทธ์” ที่หล่อหลอมคุณค่าขององค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในยุคที่เทคโนโลยีและความคาดหวังของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เอไอเอ ยังคงรักษาสมดุลระหว่าง “นวัตกรรมดิจิทัล” กับ “คนหรือตัวแทนประกันชีวิต” ผ่านการออกแบบระบบพัฒนาตัวแทนที่ครบวงจร ตั้งแต่การสรรหาคนรุ่นใหม่ การฝึกอบรมแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มตัวแทนต่าง ๆ ไปจนถึงการสร้างเส้นทางอาชีพสู่ระดับสากลอย่าง MDRT ซึ่งทั้งหมดนี้ สะท้อนแนวคิดขององค์กรที่เชื่อมั่นว่า ความสำเร็จในโลกประกันชีวิตยุคใหม่ ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจาก “คน” ที่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกทิศทางและมีคุณค่าร่วมกับองค์กร

คุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยกับ ‘Business Plus’ ว่า ในประเทศไทยช่องทางขายผ่านตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท เอไอเอ ให้คงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตมาหลายทศวรรษ และเอไอเอมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้าง จากการที่มีตัวแทนมากถึง 55,000 คน มีจำนวนสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งการมีเครือข่ายตัวแทนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่เพียงช่วยให้เอไอเอเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่ยังเป็นกำลังหลักที่ทำให้บริษัทสามารถผลักดันพันธกิจในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เกิดขึ้นจริง

จากมุมมองของการบริหารของคุณอลิสา พบว่า เอไอเอมีความเชื่อมั่นว่า ตัวแทนคือทรัพยากรที่สำคัญเชิงกลยุทธ์ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศที่รองรับเส้นทางการเติบโตของตัวแทน โดยเริ่มต้นตั้งแต่การสรรหาตัวแทนที่มีวิสัยทัศน์ตรงกับองค์กร จากนั้น มีการพัฒนาทักษะความสามารถที่จะช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ของเอไอเอได้เป็นอย่างดีและการบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าอย่างมืออาชีพ ไปจนถึงการพัฒนาสร้างผู้นำฝ่ายขายด้วยการวาง Career Path ที่ชัดเจน

ซึ่งโครงสร้างของการสรรหาและพัฒนาตัวแทนแบบครบวงจรนั้น ครอบคลุมทั้งการมีแผนรับรองรายได้สำหรับตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการที่เข้มข้น และการวางแนวทางพัฒนาเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน ทำให้ผู้ที่เข้ามาในอาชีพตัวแทนมีโอกาสเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม จนสามารถพิชิตคุณวุฒิระดับสากลอย่าง MDRT หรือจะเลือกเส้นทางการเติบโตเป็นผู้บริหารหน่วย สร้างทีมงานและก้าวต่อไปจนเป็นผู้บริหารในระดับสูงสุด (EDD) หรือเป็นเจ้าของสำนักงานตัวแทน

หนึ่งในแรงจูงใจสำคัญที่เอไอเอออกแบบสำหรับตัวแทนรุ่นใหม่คือ โปรแกรมที่เรียกว่า Career Achievement Bonus ซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่า หากตัวแทนสามารถพิชิตคุณวุฒิ MDRT เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน และในปีที่ 6 ขึ้นเป็นผู้บริหารหน่วยใหม่ จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งโปรแกรมนี้สะท้อนให้เห็นการเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาความเชี่ยวชาญส่วนบุคคลกับการสร้างความรับผิดชอบในเชิงการบริหารทีม ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการมองหาเส้นทางอาชีพที่มีทั้งความมั่นคงและโอกาสในการเติบโต

MDRT หรือ Million Dollar Round Table ซึ่งเป็นคุณวุฒิมาตรฐานระดับสากลของตัวแทนประกันชีวิตทั่วโลก ถูกนำมาเป็นเป้าหมายในการวัดความเป็นมืออาชีพของตัวแทน เอไอเอ โดยบริษัทมีการสนับสนุนเชิงระบบเพื่อให้ตัวแทนที่เริ่มต้นในอาชีพสามารถไต่ระดับสู่การเป็น MDRT ได้

“ปัจจุบัน เอไอเอมีตัวแทนที่พิชิตคุณวุฒิ MDRT ประมาณ 3,500 คน สูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับ 3 ของโลก และเอไอเอตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนที่พิชิตคุณวุฒินี้ให้สูงขึ้นเป็น 5,000 คนภายในปีนี้ ในส่วนของภาพรวมในระดับสากล กลุ่มบริษัท เอไอเอ จัดว่าเป็นบริษัทที่มีจำนวนตัวแทนที่พิชิตคุณวุฒิ MDRT มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และเป็นระยะเวลาติดต่อกันถึง 11 ปี” คุณอลิสา กล่าว

ทั้งนี้ คุณอลิสา กล่าวต่อว่า การพัฒนาตัวแทนที่เข้มแข็งไม่ได้เกิดขึ้นจากการฝึกอบรมเพียงครั้งสองครั้ง แต่เป็นกระบวนการที่ต้องออกแบบเส้นทางอาชีพอย่างเป็นระบบ ซึ่งเอไอเอได้มีการออกแบบโปรแกรม Next Gen Agency Leader Program เพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก้าวแรกให้กับตัวแทนใหม่ที่มีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารหน่วย โดยมีหลักสูตร กิจกรรม และการสร้างชุมชน (Community) ที่สนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ความสามารถระหว่างรุ่น นอกเหนือจากเส้นทางสู่ผู้บริหารแล้ว บางคนอาจเลือกเส้นทางการเป็นเจ้าของสำนักงานด้วยตนเองได้อีกด้วย ในขณะที่อีกกลุ่มอาจโฟกัสที่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขายจนพิชิตคุณวุฒิ MDRT หรือพิชิตคุณวุฒิ MDRT ในระดับที่สูงขึ้น อย่าง COT (Court of The Table) หรือ TOT (Top of The Table) ซึ่งตัวแทน เอไอเอ ทุกท่าน สามารถกำหนดเป้าหมายชีวิต และเลือกเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ด้วยตนเอง

วัฒนธรรมองค์กรของเอไอเอถูกอธิบายว่าเป็นวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความเป็นครอบครัว “Family” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงขับเคลื่อนและความผูกพันระหว่างตัวแทนหลายเจเนอเรชัน บริษัทดำเนินงานมายาวนานกว่า 87 ปี จึงเกิดการผสมผสานของตัวแทนหลากหลายรุ่น ทั้งในแง่ของอายุ ประสบการณ์ และมุมมอง การมีคลับหรือคอมมูนิตี้ไม่ว่าจะเป็นระดับหน่วย ระดับสำนักงาน หรือการจัดกิจกรรมจากส่วนกลางของบริษัท เช่น New Agent Club หรือ MDRT Club ช่วยเปิดพื้นที่ให้รุ่นพี่และรุ่นน้องได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ความสำเร็จ และแรงบันดาลใจ สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้การส่งต่อองค์ความรู้เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการเติบโตร่วมกัน

ทั้งนี้ เมื่อมีการนำคนหลายวัยและหลายประสบการณ์มารวมกัน วิธีการบริหารคนต้องละเอียดอ่อนและยืดหยุ่น เอไอเอตระหนักดีว่า การจะสร้างการเชื่อมโยง Engagement ในระดับเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องมีกลไกทางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ทำให้สมาชิกทุกกลุ่มรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนอาวุโสที่มีอายุงานหลายสิบปี หรือเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการ ความสามารถในการอยู่ร่วมกันและการสนับสนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ทำให้ระบบตัวแทนของเอไอเอแข็งแกร่งและยั่งยืน

ผสานเทคโนโลยีเข้ากับการทำงานของฝ่ายตัวแทน

คุณอลิสา กล่าวว่า ในอีกมิติหนึ่ง เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่เอไอเอนำมาใช้สนับสนุนการทำงานของตัวแทน ทั้งในด้านการขาย การบริหารจัดการ และการพัฒนาทักษะ เอไอเอได้ปรับกระบวนการขายมาสู่รูปแบบดิจิทัลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านแพลตฟอร์ม iPOS+ ที่ทำให้การทำงานไร้กระดาษและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับตัวแทนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ในช่วงวิกฤตโควิด บริษัทเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชัน iSign ที่ช่วยให้การขายสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องพบหน้า ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อได้อย่างไม่สะดุดแม้ในสภาวการณ์ที่มีข้อจำกัดด้านการพบปะกันต่อหน้า

แม้จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี แต่สิ่งที่เอไอเอยังคงยึดมั่นคือหัวใจของการให้บริการซึ่งเทคโนโลยีไม่สามารถมาทดแทนคนได้  เทคโนโลยีไม่ได้มาแทนที่ตัวแทน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการลูกค้า ตัวแทนยังคงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการสื่อสารความต้องการของลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีฝั่งหลังบ้าน เช่น AI และ Data Analytics มีบทบาทอย่างมากในกระบวนการสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น อาทิ กระบวนการพิจารณารับประกัน (Underwriting) การจ่ายสินไหม ซึ่งบริษัทมีการพัฒนาและนำ AI มาช่วยในการทำงานเพื่อลดระยะเวลาในการพิจารณาและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการแก่ลูกค้า

ล่าสุด เอไอเอได้ทดลองใช้ Generative AI ในการสรุปข้อมูลทางการแพทย์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิจารณานำไปใช้ในการพิจารณาและตัดสินใจ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาข้อมูลเป็นอย่างมาก และมีแผนที่จะนำ AI มาใช้ในส่วนงานการสรรหาและฝึกอบรมตัวแทน เช่น Career Aptitude Test (CAT) ที่ใช้เพื่อวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของตัวแทนที่เข้ามาในอาชีพด้วยระบบ AI และ AI Role Play  ที่จะทำหน้าที่เป็นคู่ซ้อมในบทบาทการขาย (Role Play) เพื่อให้ตัวแทนสามารถฝึกฝนการพูดและการนำเสนอแก่ลูกค้าก่อนออกไปปฏิบัติงานจริง

นอกเหนือจากการฝึกอบรมเชิงเทคนิค เอไอเอมีการปลูกฝัง Innovation Mindset และ Growth Mindset ให้กับตัวแทนและผู้บริหารอยู่เสมอ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การกล้าที่จะทดลองและปรับวิธีการทำงานเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ต้องมี การสร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับความคิดใหม่และการลองผิดลองถูกเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา จึงเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี

ด้านการบริหาร คุณอลิสา ได้ชี้ให้เห็นหลักการผู้นำสามประการที่เอไอเอ ได้ปลูกฝังให้กับพนักงานและตัวแทน ได้แก่

  1. ความชัดเจน (Clarity) ในเป้าหมายและวิธีการ โดยยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลักการทำงาน (Operating Principle) ที่ให้ความสำคัญกับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง กับคนที่ใช่ และผลสำเร็จจะตามมา
  2. ความกล้า (Courage) กล้าในการตัดสินใจ กล้าในการเปลี่ยนแปลง
  3. ความเห็นอกเห็นใจในทีม (Team Empathy) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ทีมทำงานร่วมกันด้วยใจ

โดยหลักการทั้งสามนี้ถูกออกแบบให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนาคนในแต่ละระดับ และช่วยให้ผู้บริหารหน่วยสามารถดูแลทีมของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวัดผลจากเป้าหมายที่ชัดเจนและระบบติดตามผลที่มีประสิทธิภาพ

คุณอลิสา กล่าวว่า นอกจากปลูกฝังวิธีคิดและพัฒนาทักษะให้กับตัวแทนแล้ว การวัดผล (Performance Management) ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการบริหารองค์กร โดยตัวแทนในยุคดิจิทัลจะถูกปรับทักษะให้ทันสมัยตามสภาพแวดล้อม และเอไอเอได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนให้เหมาะกับแต่ละฝ่าย เช่น เป้าหมายด้านรายได้ จำนวน MDRT ที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งเป้าหมายการเติบโต พร้อมทั้งมีเครื่องมือที่สามารถติดตามผลได้ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งระบบเหล่านี้ช่วยให้ตัวแทนเห็นสถานะของตนในการเดินทางสู่เป้าหมายและได้รับการกระตุ้นจาก AI Coach ที่จะช่วยชี้แนะขั้นตอนถัดไปเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าเพื่อไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ

โดยระบบติดตามผลที่มีประสิทธิภาพนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของทีมได้อย่างครบถ้วน แต่ยังช่วยสร้างความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการประเมินผลงาน ตัวแทนสามารถเปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเองกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ตลอดเวลา และปรับกลยุทธ์การทำงานให้ทันท่วงที นอกจากนี้ ระบบยังช่วยระบุตัวแทนที่มีศักยภาพสูงเพื่อเตรียมพัฒนาให้ก้าวสู่บทบาทผู้นำในอนาคต สร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่อย่างเป็นระบบ

อีกประเด็นที่ เอไอเอ ให้ความสำคัญนอกจากเรื่องของเป้าหมายและการพัฒนาทักษะ ได้แก่ เรื่องสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ของตัวแทน ซึ่งเอไอเอมองว่าเป็นหนึ่งในภารกิจหลัก โดยบริษัทได้พัฒนาโปรแกรม  AIA Vitality เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพด้วยการมอบรางวัลและสิทธิประโยชน์ตามระดับสถานะ

“AIA เป็นหนึ่งในองค์กรแรก ๆ ที่พัฒนา AIA Vitality และเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก สะท้อนพันธกิจของกลุ่ม AIA ที่มีเป้าหมายจะเห็นผู้คนนับพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นคุณอลิสา กล่าว

โดยคุณอลิสา กล่าวถึงประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า อาชีพตัวแทนมีลักษณะของการทำงานที่มีความหมายและมีโอกาสสร้างคุณค่าให้ผู้อื่น ส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ดีของตัวแทนเอง และเมื่อตัวแทนมีสุขภาพจิตดีก็จะนำไปสู่การบริการลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการช่วยผลักดันให้สังคมโดยรวมมีสุขภาพที่ดีขึ้นตามเป้าหมายขององค์กร

เอไอเอ กับการปรับตัวสู่ “อุตสาหกรรมประกันชีวิตในโลกยุคใหม่”

ทั้งนี้ เมื่อมองไปยังอนาคตในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า คุณอลิสา มองเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมประกันชีวิตจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ดังนั้นตัวแทนที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับประเด็นสังคมผู้สูงอายุที่จะทำให้ความต้องการสินค้าอย่างประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ตัวแทนจะต้องพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการตามช่วงวัย พร้อมทั้งใช้ความรู้และเครื่องมือที่บริษัทพัฒนาให้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า

แม้อนาคตจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่แนวทางของเอไอเอชัดเจนว่า องค์กรจะยังคงมุ่งมั่น เสริมสร้าง ความรู้และพัฒนาตัวแทน รวมถึงเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้ตัวแทนสามารถเติบโตไปพร้อมกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหลักสูตรฝึกอบรมที่เหมาะสมกับกลุ่มของตัวแทนในแต่ละรุ่น  การใช้ AI เป็นเครื่องมือในการเสริมการเรียนรู้ การทำงาน การให้บริการ สิ่งที่สำคัญคือการรับฟัง Feedback จากผู้ใช้งานจริง เพื่อนำมาปรับปรุงระบบ เครื่องมือต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์การปฏิบัติงานของตัวแทนผู้ที่อยู่ด่านหน้าอย่างแท้จริงคุณอลิสา กล่าวในตอนท้าย

ทั้งนี้ ‘Business Plus’ มองว่า ความสำเร็จของเอไอเอในการสร้างระบบพัฒนาตัวแทนที่ยั่งยืนนั้น เกิดจากการมองตัวแทนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงช่องทางการขาย แต่เป็นการลงทุนในทุนมนุษย์อย่างจริงจังผ่านโปรแกรมการพัฒนาที่ครอบคลุม การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่อบอุ่น และการนำเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพอย่างเหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาและพัฒนากำลังคนคุณภาพได้ในระยะยาว ขณะเดียวกัน การเชื่อมโยงพันธกิจขององค์กรกับความหมายในการทำงานของตัวแทนแต่ละคนก็ช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงให้กับทีมงาน

ในท้ายที่สุดแล้ว กรณีศึกษาของเอไอเอแสดงให้เห็นว่า แม้ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การดูแลพัฒนาคนอย่างเป็นระบบและใส่ใจในมิติมนุษย์ ยังคงเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ โมเดลการพัฒนาที่สมดุลระหว่างการสร้างโครงสร้างที่แข็งแกร่ง การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด และการรักษาสัมผัสเชิงมนุษย์ จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่องค์กรอื่นสามารถนำไปปรับใช้ในการสร้างทีมงานที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุคดิจิทัล

 

เขียนและเรียบเรียง : สถาปัตย์ มะดวง

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+  : https://lin.ee/pbIHCuS

IG  : https://instagram.com/businessplus.th

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business