เปิดข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ไทย-กัมพูชา’ ถ้าต้องหักกันจริง ๆ จะกระทบอะไรบ้าง?

ในปี 2025 ความตึงเครียดบริเวณชายแดน ‘ช่องบก’ ระหว่างไทยและกัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการลงทุนร่วมกัน ความขัดแย้งนี้ไม่เพียงทำให้เศรษฐกิจทั้งสองประเทศชะลอตัว แต่ยังกระทบมายังภาคธุรกิจที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบจากกัมพูชา และกระทบไปยังซัพพลายเชนทั้งหมดอีกด้วย

ซึ่ง Business+ ได้รวบรวมข้อมูลด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของไทยและกัมพูชา พร้อมทั้งวิเคราะห์ถึงผลกระทบและความท้าทายที่มีต่อทั้งสองประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เริ่มกันที่ ประเทศไทย
มีขนาดเศรษฐกิจ GDP 

ประเทศไทยมี GDP มูลค่า 19,395,070 ล้านบาท ซึ่งเป็นขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

อัตราการเติบโต

GDP ของประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตที่อัตรา 2.9% ในปี 2025

รายได้ประชากรต่อหัว

ประเทศไทยมีรายได้ประชากรต่อหัวที่ประมาณ : 276,000 บาท/คนต่อปี

ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ที่เน้นนโยบายส่งเสริมการลงทุนและการค้าชายแดน  “ไทยยังคงรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับพันธมิตรสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น ทำให้การค้าชายแดนและข้ามแดนเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ส่วน ประเทศกัมพูชา

มีขนาดเศรษฐกิจ  GDP

GDP ของกัมพูชาอยู่ที่ 1,810,500 ล้านบาท แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าไทย แต่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อัตราการเติบโต

กัมพูชามีอัตราการเติบโตของ GDP ที่สูงถึง 5.8% ในปี 2025

รายได้ประชากรต่อหัว 

กัมพูชามีรายได้ประชากรต่อหัวที่ประมาณ 105,000 บาท/คนต่อปี แม้จะต่ำกว่าประเทศไทย แต่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการลงทุนและการพัฒนาสังคม

โดยภายใต้การนำของคุณฮุน มาเน็ต “กัมพูชายังมีพันธมิตรทางเศรษฐกิจสำคัญ เช่น จีน เวียดนาม และไทย โดยความร่วมมือเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดและดึงดูดการลงทุนระหว่างประเทศ”

ทีนี้มาดูข้อมูลการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา กันบ้าง โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ดุลการค้าของไทยกับกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 2564 ไทยเกินดุลการค้าอยู่ที่ 128,992 ล้านบาท

ในปี 2565 ไทยเกินดุลการค้าลดลงมาที่ 125,683 ล้านบาท

ในปี 2566 ไทยเกินดุลการค้าลดลงต่อเนื่อง มาที่ 97,264 ล้านบาท

ล่าสุดปี 2567 ไทยเกินดุลการค้า 104,282 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 83,844 ล้านบาท  เป็นการส่งออก 63,453 ล้านบาท และการนำเข้า 20,390 ล้านบาท เท่ากับว่าไทยเกินดุลการค้ากับกัมพูชา 43,063 ล้านบาท

มาดูสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปกัมพูชากันบ้าง โดยหลักๆ ไทยส่งออกสินค้าประเภท เครื่องดื่ม เครื่องยนต์ และเครื่องปรุง

ส่วนการนำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัตถุดิบ เช่น ผัก เศษอะลูมิเนียม และลวดฉนวนไฟฟ้า

จากข้อมูลดังกล่าว สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ไทยนั้นเกินดุลการค้ากับกัมพูชามาตลอด (อธิบายง่ายๆคือ ประเทศไทยมีรายได้มากกว่ารายจ่ายให้กับกัมพูชา) ดังนั้น ปี 2025 ที่เกิดความตึงเครียดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา และมีการปิดด่านไปทั้งหมด 18 ด่าน (ณ เดือนมิถุนายน ) จะกระทบต่อการค้าของไทยอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น คือผลกระทบที่ภาคธุรกิจไทยไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากกัมพูชาได้ในช่วงการปิดด่าน จะกระทบไปยังห่วงโซ่การผลิตหลายๆ อุตสาหกรรม เพราะส่วนใหญ่สินค้าที่เรานำเข้าคือ ผัก เศษอะลูมิเนียม และลวดฉนวนไฟฟ้า ที่ถือว่าเป็นสินค้าต้นน้ำที่นำไปสู่การผลิตในภาคอุตสาหกรรมอีกมากมาย

ซึ่งผู้ประกอบการไทยอาจจะต้องหาแหล่งนำเข้าอื่นทดแทนนอกจากกัมพูชา และอาจทำให้เกิดต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาวัตถุดิบที่อาจจะสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งต้นทุนจากการขนส่ง (หากแหล่งนำเข้าอยู่ไกลกว่าเดิม) ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นนี้จะทำให้ผู้ประกอบการปลายน้ำมีความได้เปรียบในเชิงแข่งขันลดน้อยลง

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ , IMF

เขียนและเรียบเรียง : สถาปัตย์ มะดวง

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829