‘ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี’ ผู้นำอุตสาหกรรมที่ปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อก้าวข้ามทุกสถานการณ์

หากพูดถึงผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำไปจนถึงธุรกิจปลายน้ำ เชื่อเหลือเกินว่า ‘ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี’ จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่หลายคนรู้จัก และให้ความเชื่อถือ เพราะนอกจากจะมีธุรกิจที่ครบวงจร มีผลิตภัณฑ์หลากหลายแล้ว ยังมีตลาดรองรับในหลากหลายประเทศ ประกอบกับการนำนวัตกรรมมาพัฒนาอย่างสม่ำเสมอจึงทำให้บริษัทฯ แห่งนี้สามารถปรับตัวรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ทุกรูปแบบ

คุณวิชญ์พล สินเจริญกุล Executive Director บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA กล่าวว่า กลยุทธ์ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของ STA คือความยืดหยุ่น ด้วยการทำให้องค์กรสามารถปรับตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

“ธุรกิจของเราคือยาง เราก็ต้องทำตัวให้เหมือนยาง คือมีความยืดหยุ่น ไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป เพื่อให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าเราสามารถผ่านวิกฤตมาหลาย Cycle และยังสามารถอยู่ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ได้” คุณวิชญ์พล กล่าว

นอกจากนี้ STA ยังให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง โดยไม่ได้พึ่งพารายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มีธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนั้นในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมาถึงแม้ธุรกิจกลางน้ำจะได้รับผลกระทบ แต่ธุรกิจปลายน้ำอย่างการผลิตถุงมือยางมีความต้องการสูง และสามารถสร้างกำไรสุทธิทดแทนให้บริษัทจำนวนมากในขณะที่ธุรกิจอื่นปรับตัวลดลง

กลับกันในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากความกังวล COVID-19 ที่เริ่มลดน้อยลง จะส่งผลให้ยอดขายถุงมือยางเริ่มชะลอตัวลง แต่ธุรกิจยางธรรมชาติจะเป็นธุรกิจที่สามารถฟื้นตัวกลับมาทดแทนได้ ดังนั้น STA จึงสามารถ Balance ภาพรวมของธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า STA เป็นบริษัทฯ ที่เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤตมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนเกิด COVID-19 โดยที่ STA กระจายตำแหน่งโรงงานให้มีหลากหลาย Location เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ในอนาคต ขณะที่ STA ได้กระจายสัดส่วนรายได้จากลูกค้า และซัพพลายเออร์ แต่ละรายให้ Balance กันมากที่สุด โดยลูกค้ารายใหญ่ที่สุดจะมีสัดส่วนยอดขายไม่เกิน 5-7% ของพอร์ตรวม

สร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมยาง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ STA สามารถคงความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมยางได้เสมอมา เกิดจากการที่บริษัทฯ แห่งนี้สามารถพัฒนานวัตกรรมก้าวล้ำหน้าคู่แข่งได้อยู่เสมอ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า และซัพพลายเออร์ (Supplier) เป็นอย่างมาก ซึ่งนำมาสู่การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty) ในท้ายที่สุด

“กลยุทธ์สำคัญของเรา คือการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า และซัพพลายเออร์ เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ ซึ่งบางครั้งเราได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และกลายเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการก่อนที่ลูกค้าจะรู้ความต้องการของตัวเองเสียด้วยซ้ำ และเมื่อเรามีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ก็เหมือนกับเราสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด และส่งผลดีต่อความภักดีต่อแบรนด์” คุณวิชญ์พล กล่าว

ดึงเทคโนโลยีเสริมความแข็งแกร่ง
คุณวิชญ์พล กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของ STA ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา คือมีเป้าหมายต้องการใช้เทคโนโลยีในการผลิตโดยไม่ใช้คน ซึ่งยังคงเป็นแนวทางที่จะพัฒนาไปในอนาคต และปัจจุบัน STA ได้นำระบบอัตโนมัติที่ไม่จำเป็นต้องตอบโต้หรือสั่งงานจากมนุษย์ (Automation) มาใช้ ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถพัฒนา และบริหารจัดการต้นทุนทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ STA ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ให้บริการสำหรับซัพพลายเออร์ โดยสร้างแอปพลิเคชัน “ศรีตรังเพื่อนชาวสวน (SRI TRANG FRIENDS APPLICATION)” เพื่อให้บริการกับชาวสวนยาง ซึ่งภายในแอปฯ สามารถทำการซื้อขายยาง รวมไปถึงสามารถจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ชาวสวนสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์แผนธุรกิจของตัวเองได้ โดยที่ STA ยังมีแผนที่จะมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มเหล่านี้ให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต

คุณวิชญ์พล มองว่าธุรกิจยางพาราเป็นธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะมีวัฏจักรของราคายาง ดังนั้น ผู้เล่นรายอื่นในตลาดจะเข้ามาในตลาดเมื่อราคายางสูง แต่เมื่อราคายางตกต่ำก็จะได้รับผลกระทบจนต้องหายจากอุตสาหกรรมไป อย่างไรก็ตาม STA จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ โดยทำให้ธุรกิจดั้งเดิมอย่างอุตสาหกรรมยางให้กลายมาเป็น Digitalization และเมื่อองค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีได้ทั้งหมดจะทำให้เกิดความสามารถในเชิงแข่งขัน โดยที่เป้าหมายในอนาคตของ STA คือ มุ่งเน้นทำ Digitalization ทั้ง Chain ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการผลิต การซื้อขาย และในอนาคตเป้าหมายของพวกเขาคือการเชื่อมโยงระบบทั้งหมดด้วยดิจิทัล

นอกจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่นแล้ว STA เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน โดยในแง่ของ ESG (Environment, Social และ Governance) ทาง STA ให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์ และมาตรฐานต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานการปล่อยคาร์บอน หรือการจัดการของเสีย รวมไปถึงให้ความสำคัญกับชุมชน และสังคมที่อยู่รอบตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำพา STA ไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า ถึงแม้อุตสาหกรรมยางจะมีวัฏจักรการขึ้นและลง ซึ่งแต่ละ Cycle ค่อนข้างยาวนาน แต่ STA กลับเป็นบริษัทที่สามารถฝ่าฟันมาได้ในทุก ๆ รอบของวัฏจักร และยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ ด้วยการปรับตัวอย่างยืดหยุ่น นั่นทำให้พวกเขาสามารถครองตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมเอาไว้ได้ ถึงแม้ผู้เล่นรายอื่นต้องหายจากอุตสาหกรรมไปเป็นจำนวนมากในช่วงวัฏจักรขาลง

ที่มา : การสัมภาษณ์พิเศษ