ก้าวที่ยิ่งใหญ่ สู่โลกอนาคตของสิงห์ กับ Singha Ventures

ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร Singha Ventures เปิดเผยว่า กว่า 85 ปี ที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน และนี่ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของบุญรอด ถือได้ว่านี่คือ New S-Curve เป็นอนาคตของบุญรอด และยังเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงโลกได้อีกด้วย
สิงห์ต้องการผลักดันธุรกิจ startup ของคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียล้ำนำสมัย พร้อมก้าวไปสู่โลกแห่งอนาคตกับ Singha Ventures บริษัทใหม่ในเครือ บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Brewing the future ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็น Hub ในการลงทุนของธุรกิจดาวรุ่งจากทั่วโลก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาซึ่งความก้าวหน้าทางนวัตกรรมให้กับประเทศไทยในอนาคต
Singha Ventures จึงได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อกลางปี 2560 ที่ผ่านมา โดยจดทะเบียนธุรกิจเงินร่วมลงทุนขึ้นที่ฮ่องกง ด้วยเงินลงทุน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการลงทุนกับบริษัทได้เข้าไปลงทุนแล้ว ในกองทุน 2 กองทุน(Fund of Funds ได้แก่ Kejora Ventures แพลตฟอร์มนระบบนิเวศน์ทางเทคโนโลยี(Technology ecosystem) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย มีการลงทุนในธุรกิจแล้วกว่า 29 ธุรกิจ และ Vertex Ventures จากสิงคโปร์ มีเครือข่ายของบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ในวงการ Technology และ Venture Capital อย่างกว้างขวางทั่วโลก
Singha Ventures ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital Fund หรือ CVC) มีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนการลงทุนในนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสตาร์ทอัพดาวรุ่งระดับโลก(World Start-up) เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
โดย Singha Ventures ให้ความสนใจเข้าไปลงทุนใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่
- สินค้าอุปโภคบริโภค(Consumer products) ทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องปรุงรส รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
- เทคโนโลยีในการจัดการห่วงโซ่การผลิต(Supply chain) ด้านการขนส่งและการจำหน่ายสินค้า เช่น การขนส่งถึงลูกค้าปลายทางโดยตรง(last mile) การขนส่งระหว่างภาคธุรกิจ(business to business solution : B2B) และการส่งสินค้าและบริการ e-commerce และ
- ลงทุนในระบบหรือโปรแกรมต่างๆ เพื่อช่วยในการทำงานขององค์กร(Enterprise solutions) เช่น Software as a service (SaaS) Cloud computing ระบบการจ่ายเงิน และระบบการให้สินเชื่อแก่คู่ค้า
นอกจากนี้ Singha Ventures ยังเปิดกว้างมองหาและพร้อมลงทุนกับธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ(Healthcare) เทคโนโลยีชีวภาพ(Biotech) เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์(Property technology) และ Internet of Things(IoT) เป็นต้น และการลงทุนจะโฟกัสธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจชัดเจน มีตลาด และมีรายได้แล้ว(ระดับ Series A) และมีความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในระดับ Seed Funding stage หากธุรกิจดังกล่าวเป็นไอเดียที่โดดเด่น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีสามารถนำมาพัฒนาต่อยอด เสริมศักยภาพองค์กร(Synergy) สิงห์ได้ และเป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรควบคู่กัน
ในส่วนของสิ่งที่บริษัทจะได้รับนอกจากผลกำไรแล้วนั้น คือการได้เรียนรู้ และเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับองค์กร ซึ่งเป็นการวางแผนที่ดีเยี่ยมในการป้องกันความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ดังนั้นสำหรับบริษัทอย่างบุญรอดเอง ถึงแม้จะเป็นธุรกิจที่มีหลักเป็นธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม แต่การเรียนรู้และเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรีบทำอย่างเร็วที่สุดในเวลานี้ เพราะไม่เช่นนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดจากการ Disrupt อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง