สิงห์ เอสเตท เสริมกลยุทธ์รับมือ Covid-19 เดินหน้ารุกแผนโตยั่งยืนเต็มขั้น

แม้จะต้องปรับเป้ารายได้รวมในปี 2020 ลดลงตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่ ‘สิงห์ เอสเตท’ ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจเดิมในระยะเวลา 5 ปี (2020-2024) ด้วยงบลงทุน 68,000 ล้าน และกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน

คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’

คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เล่าให้ Business+ ฟังถึงทิศทางเดินหน้าฝ่า Covid-19 ว่า ขณะที่กำลังเกิดวิกฤต บริษัทสามารถมองเห็นโอกาสรุกธุรกิจและการลงทุนใหม่ ด้วยการขยาย 3 ธุรกิจหลักตามแผน คือ ธุรกิจที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน รวมถึงธุรกิจโรงแรม

ขยายทำเลด้วยคอนเซ็ปต์ ‘New Living and Working’ รองรับการเปลี่ยนแปลงแห่งอนาคต

โดย โครงการที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน ที่สิงห์ เอสเตทมุ่งขายทำเลไปรอบเมืองนั้น ใช้คอนเซ็ปต์ ‘New Living and Working’ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอนาคต ซึ่งมาจากการเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่จะขยายตัวออกจากเมืองไปยังทำเลใหม่ ๆ ตามการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนและโครงข่ายถนน

เนื่องจากบริษัทฯ เชื่อว่าในอนาคต ภาคส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานจะยังคงมีความต้องการพื้นที่สำนักงานอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ จึงพร้อมเสนอพื้นที่สำนักงานรูปแบบใหม่ ‘Workspace Solution’ โดยมีหลายรูปแบบและหลายทำเล ทั้งอาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดกลาง ออฟฟิศแนวราบ ตลอดจน Co-Working Space ในทำเลใหม่ โดยเน้นเชื่อมโยงการทำงานผ่านระบบ IT ให้ลูกค้าในทุกที่ โดยบริษัทฯ จะเปิด Workspace ใน Concept ใหม่ในปลายปีนี้ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เพื่อรองรับผู้เช่าที่ต้องการปรับพื้นที่การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

โครงการบ้านเดี่ยวอัลตราลักชัวรี สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม

ยกระดับความปลอดภัย รับมือวิถี New Normal 

ส่วน ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก ยังคงตั้งเป้าขยายพื้นที่สำนักงาน 300,000 ตารางเมตร ในระยะเวลา 5 ปี โดยในช่วง Covid-19 ธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงคุณภาพด้านสุขอนามัยโดยติดตั้ง Touchless Solution และ UV ในระบบปรับอากาศเพื่อตอบโจทย์ New Normal ให้กับผู้เช่าอาคารซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ รวมถึงมองหาผู้เช่าใหม่ ๆ ที่อยู่ในธุรกิจที่มีการเติบโตดี เช่น E-commerce, Technology และ Consumer Product

ดึงกลยุทธ์ Smart M&A และ Asset Light Model 

ในส่วนของ ธุรกิจโรงแรม สิงห์ เอสเตท พร้อมสร้างรายได้เพิ่มและมองหาพันธมิตรที่เหมาะสม ด้วย กลยุทธ์ Smart M&A และ Asset Light Model โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า จะเน้นการกระตุ้นยอดขายตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และประเทศในกลุ่มภูมิภาคเดียวกัน (Inter Region) โดยสิงห์ เอสเตทยังมีแผนลงทุนในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ที่มีศักยภาพสูง ตั้งเป้าขยายธุรกิจจาก 39 โรงแรมเป็น 80 โรงแรม ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน 5 ปี

โดยเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 ของปีนี้ เริ่มจากในประเทศไทย และกลุ่มประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี และควบคุมอัตราผู้ติดเชื้อได้ดี บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตาม กลยุทธ์ Smart M&A โดยมุ่งลงทุนโรงแรมที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ปรับปรุงเพิ่มศักยภาพให้กับ Asset ตลอดจนการ Recycle Capital ผ่านการขายโรงแรมเข้ากอง REIT หรือผู้ซื้อที่ให้มูลค่าที่ดี

SAii แบรนด์โรงแรมแรกของ SHR

รวมถึงการดำเนิน กลยุทธ์ Asset Light Model ที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากการรับจ้างบริหารโรงแรมผ่าน Home Grown Brand ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และคาดว่าจะเริ่มได้อย่างจริงจังในช่วงปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า ปัจจุบันนี้ SHR ได้พัฒนาแบรนด์ SAii เป็นแบรนด์โรงแรมแรกของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มร.เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)

“SHR ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมเป็น 2 เท่า จาก 39 แห่ง ทั่วโลกในปัจจุบัน เป็น 80 แห่ง ภายในเวลา 5 ปี โดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับบน และมอบประสบการณ์การพักผ่อนในรูปแบบที่แตกต่างและสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า” มร.เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าว

“การดำเนินธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ของ 3 ธุรกิจหลักนั้น นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ทั้งยังดำเนินการบนปรัชญาการดำเนินธุรกิจ สร้างคุณค่าให้ชีวิต มุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนควบคู่กับการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมให้สวยงาม” คุณนริศ กล่าว

 

รักษาเสถียรภาพยามวิกฤต

โดยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ Covd-19 สิงห์ เอสเตท มีการดูแลและบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ และรักษาอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน อยู่ในระดับต่ำ 0.86 เท่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมาจากการนำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งขายสิทธิการเช่า 30 ปี ของอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์สให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME REIT) จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมและสามารถลงทุนขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อรองรับโอกาสในอนาคต โดยจะนำอาคารสำนักงานเมโทรโพลิศและพื้นที่ค้าปลีกซันพลาซาเข้ากอง REIT รวมถึงการออกหุ้นกู้ต่อไป โดยสำหรับแผนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการลงทุน 5 ปี กับงบ 68,000 ล้านบาท ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ สิงห์ เอสเตทก็ยังคงเดินหน้าทำตามแผนเดิม โดยในปี 2020 บริษัทฯ มีสินค้าจากธุรกิจที่พักอาศัยคงเหลือเพียง 1,000-2,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่จัดการได้ และวางแผนใช้นโยบายการขายที่จะช่วยรักษาระดับอัตรากำไรของโครงการได้

โครงการ เอส โอเอซิส ถ.วิภาวดีรังสิต (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง)

ตอกย้ำการเป็น Global Holding Company รุกธุรกิจตอบโจทย์อนาคต พร้อมสร้างคุณค่าให้ชีวิต

โดยบริษัทฯ ได้เล็งเห็นโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ คือ พลังงานทางเลือก (Renewable Energy) โดยโครงการแรกที่จะเริ่มอยู่ที่ประเทศมัลดีฟส์ มีขนาด 5 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ในธุรกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

อีกทั้งยังมีการต่อยอดความเชี่ยวชาญจากกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่สร้างมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ จนเป็นที่ยอมรับจากสังคมให้เป็น Most Trusted Brand โดยเฉพาะการดูแลสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต และนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ รวมทั้งยกระดับการบริการของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับสากล

“สิ่งสำคัญที่สิงห์ เอสเตท ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ คือ การดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ช่วยเหลือพันธมิตรสร้างสังคมไทยที่มีคุณภาพ และร่วมมือกับภาครัฐและบริษัทอื่นๆ เพื่อต่อสู้วิกฤต Covid-19 ที่สำคัญคือการสนับสนุนชุมชนในทุกแห่งที่ธุรกิจเราตั้งอยู่ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถผ่านวิกฤต Covid-19 ไปได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง” นายนริศ กล่าวทิ้งท้าย

กลยุทธ์เดินหน้าท้า Covid-19 ของสิงห์ เอสเตท ที่รุกเข้าสู่ตลาดใหม่ และดึงศักยภาพออกมาพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่พร้อมสู้ทุกวิกฤตและยืนมือพัฒนาทุกมิติทั้งผู้บริโภคและพาร์ทเนอร์ให้เติบโตไปพร้อมกัน