ช่วงเดือนตุลาคม 2568 เป็นช่วงที่หลายๆ คนคงจะเห็นว่าราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จนมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 นั้นจะแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้เลยทีเดียว จากปัจจุบันอยู่ระหว่างช่วง 4,070.5 ดอลลาร์/ออนซ์
แต่อย่างไรก็ตามยังมีอีกสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งร้อนแรงไม่แพ้กันหากนับตั้งแต่ต้นปี นั่นคือ เงิน (Silver) โดยเราพบข้อมูลว่า เงินเป็นโลหะที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดมากในปี 2568 อาจจะมากกว่าทองเสียด้วยซ้ำหากวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของการพุ่งขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าเกิดจากความต้องการใช้โลหะเงินในภาคอุตสาหกรรมด้านพลังงานสะอาด อย่างเช่น รถไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ เพราะเงินถูกใช้ในใเป็นส่วนประกอบการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ และยังถูกใช้ผลิตแบตเตอรี่และระบบอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำเครื่องประดับโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบโลหะมีค่าอื่นมากกว่าทอง
อีกทั้งในช่วงตั้งแต่ COVID-19 เงินได้รับความนิยมในการลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะราคาต่อหน่วยที่ถูกกว่าทองคำ ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้สูงกว่า โดยเฉพาะเงินแท่ง (Silver Bullion) ซึ่งเป็นโลหะเงินที่ผ่านการถลุงให้บริสุทธิ์ (99.9%) โดยบนแท่งเงินมักจะมีการระบุน้ำหนักและความบริสุทธิ์เอาไว้ เพื่อยืนยันมาตรฐาน แตกต่างจาก เครื่องประดับเงิน ที่อาจมีการผสมโลหะอื่น เงินแท่งจึงเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสำหรับการซื้อสะสมเพื่อการลงทุน
ทีนี้เรามาดูข้อมูลของเงิน เปรียบเทียบกับ ทอง กันว่าการปรับตัวและข้อมูลสำหรับการใช้เงินและทองแตกต่างกันอย่างไรผ่าน Infographic นี้
จะเห็นได้ว่า เงินเป็นโลหะที่สร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าทองคำในปี 2568 และยังมีแนวโน้มว่าความต้องการนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีการคาดการณ์ว่า ราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าจะขึ้นไปสู่ 49.00-50.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์เร็วๆนี้
ที่มา : ausiris, huasengheng, aljazeera,reuters
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
#ราคาเงิน
#ราคาทอง