รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพลนำทีมสื่อมวลชน ลงพื้นที่ติดตามการทำงาน แบบบูรณาการร่วมกัน ระหว่างกรุงเทพมหานคร มณฑลทหารบกที่ 11 และกรมทางหลวง ในการบริหารจัดการน้ำกรุงเทพมหานคร บริเวณจุดเสี่ยงน้ำท่วมถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร เร่งดำเนินมาตรการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ในช่วงฝนตกหนักหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง โดยในปี 2568 กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝนในเดือนพฤษภาคมมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 17% และในเดือนมิถุนายนมากกว่าค่าเฉลี่ย 1% ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ระหว่างรอการระบายในหลายพื้นที่
ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับฝนตกหนักแบบเฉียบพลัน หรือที่เรียกกันว่า “Rain Bomb” คือฝนที่ตกลงมาในปริมาณมากภายในระยะเวลาสั้น ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันและระบายน้ำได้ช้า โดยปกติแล้ว หากฝนตกแบบกระจายตัวในพื้นที่ต่าง ๆ ระบบระบายน้ำของกรุงเทพฯ จะสามารถรองรับได้บ้าง เพราะปริมาณน้ำจะถูกทยอยระบายออกไป ไม่สะสมในจุดเดียว แต่กรณีนี้ ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากภายในช่วงเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ซึ่งหากปริมาณน้ำฝนสูงเกิน 29 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้ท่อระบายน้ำในหลายจุดไม่สามารถรับน้ำได้ทัน ผลกระทบคือเกิดน้ำรอระบายบนถนนหลายสาย การจราจรติดขัด และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครจึงเร่งดำเนินการแก้ไข ในทุกระดับทั้งระดับเส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย โดยการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสูบน้ำ การขุดลอกคลองและท่อระบายน้ำ การใช้ระบบตรวจวัดระดับน้ำบนผิวถนนเชื่อมโยงกับระบบเครื่องสูบน้ำและการเปิดประตูระบายน้ำเร่งการระบายให้น้ำไหลออกเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมือง โดยเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังและติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมพัฒนาระบบการจัดการน้ำให้สามารถรับมือกับมวลน้ำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวอีกว่า หนึ่งในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง คือ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีจุดน้ำท่วมหลายจุด จากฝนที่ตกหนักในอดีตที่ผ่านมาการระบายน้ำเป็นไปย่างล่าช้า แต่ปัจจุบันสามารถเร่งลดระดับน้ำบนผิวถนนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงได้นำทีมสื่อสัญจรลงพื้นที่ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำรอระบายและให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงาน ในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันอย่างเป็นระบบ อาทิ กรมทางหลวง ที่ล้างท่อและดำเนินโครงการ Flood Way จากคลองเปรมประชากรถึงแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการก่อสร้างท่อลอดระบายน้ำร่วมกับ กทม. ขณะที่ มณฑลทหารบกที่ 11 อนุญาตใช้พื้นที่เป็นแก้มลิงและติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายสู่ถนนหมายเลข 10 ด้าน รฟม. สนับสนุนการล้างท่อบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ด้านกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ ก่อสร้างท่อ บ่อสูบน้ำ เขื่อน สถานีสูบน้ำคลองบางตลาด และจัดหาพื้นที่แก้มลิงและบึงรับน้ำที่มีประสิทธิภาพ เช่น บึงรับน้ำสีกัน สำนักการโยธา ก่อสร้างถนนและบ่อสูบน้ำ เพื่อรองรับน้ำจากถนนหมายเลข 10 เพิ่มการระบายน้ำโดยรวมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
จากการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ทำให้การระบายน้ำบนถนนแจ้งวัฒนะ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลดผลกระทบจากน้ำท่วมหลังฝนตกหนัก สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนี้ เมื่อเกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงหน้า มทบ.11 น้ำจะถูกส่งผ่านเข้าท่อลอดระบายน้ำขนาด 0.60 เมตร และเข้าสู่บ่อสูบน้ำที่อยู่บริเวณหน้ามทบ.11 จากนั้นน้ำจะไหลเข้าสู่พื้นที่แก้มลิงภายใน มทบ.11 ต่อมา จะมีการเดินเครื่องสูบน้ำภายใน มทบ.11 เพื่อผันน้ำออกไปยังถนนหมายเลข 10 จากถนนหมายเลข 10 จะมีการเดินเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง เพื่อระบายน้ำลงสู่คลองแยกบางตลาด
เมื่อถึงคลองแยกบางตลาด จะมีการเดินเครื่องสูบน้ำต่อ เพื่อส่งน้ำไปยังคลองบางตลาด และสุดท้าย น้ำจะถูกระบายจากคลองบางตลาดไปสู่คลองเปรมประชากร ซึ่งเป็นคลองหลักในการรับน้ำออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจุดในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครที่มีโครงการก่อสร้างฯ ซึ่งเราพยายามประสานงานและบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการระบายน้ำ การลดจุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง และการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยสามารถเร่งระบายน้ำได้เร็วขึ้น ลดความเสียหายด้านการจราจร และสร้างแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งวิธีการทำงานร่วมกันนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญ ที่กรุงเทพมหานครจะนำเข้ามาปรับใช้ พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังได้ โดยการแจ้งพื้นที่น้ำท่วมขัง เข้ามาได้ที่ Traffy Fondue ทั้งในช่องทาง Line@TraffyFondue หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อร่วมกันติดตามสถานการณ์ ลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขัง การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการติดตามสถานการณ์และประเมินประสิทธิภาพของระบบระบายน้ำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน ด้วยการวางระบบบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอน ทำให้กรุงเทพมหานครสามารถรับมือกับฝนตกหนักแบบเฉียบพลันได้ดีขึ้น พร้อมเดินหน้าปรับปรุงจุดอ่อน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบาย “เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” ของกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นให้เมืองสามารถรับมือกับวิกฤติ ลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ