รู้หรือไม่ว่า ก่อนที่จะกลายมาเป็นร้านขายอาร์ตทอยชื่อดังอย่างทุกวันนี้ POP MART เคยเป็นร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์แนว Pop Culture มาก่อน โดย คุณหวางหนิง ได้ร่วมมือกับเพื่อน ๆ เปิดร้าน POP MART แห่งแรกขึ้นในปี 2010 ในจงกวนชุนของกรุงปักกิ่ง หลังจากที่ได้ไปเยือนร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์ชื่อ LOG-ON ในฮ่องกงแล้วรู้สึกประทับใจกับคอนเซปต์ของร้านขึ้นมา
เมื่อเป็นร้านขายสินค้าแบบไลฟ์สไตล์ก็ย่อมมีสินค้าหลายประเภท ทำให้คุณหวางหนิงเจอปัญหาในการบริหารคลังสินค้าและประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น ร้านมีสินค้าบางประเภทที่ขายดีอย่างมาก ขณะที่สินค้าบางอย่างก็ขายแทบไม่ได้เลย ทำให้ลำบากในการระบายสต็อกสินค้า
ด้วยเหตุนี้ คุณหวางหนิงจึงศึกษาข้อมูลยอดขายต่าง ๆ แล้ว ก็พบว่า สินค้าที่ขายดีที่สุดของร้านก็คือ อาร์ตทอย ที่ลูกค้ามักจะซื้อไปสะสมกัน ทำให้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนคอนเซปต์ร้านหันมาเน้นขายแค่อาร์ตทอยในปี 2014 ซึ่งก็มีข้อดีคือการทำให้บริหารจัดการสินค้าได้ง่ายขึ้น
แต่พอเปลี่ยนมาขายแต่อาร์ตทอยแล้ว ก็มีโจทย์ใหญ่ ๆ ให้แก้อยู่ 2 ข้อคือ
- จะบริหารสต็อกสินค้าอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
- ทำไมลูกค้าต้องมาซื้ออาร์ตทอยจาก POP MART ที่ตอนนั้นยังไม่ดัง
ในส่วนของข้อแรกนั้น การขายอาร์ตทอยก็มีปัญหาคล้าย ๆ กับร้านสินค้าไลฟ์สไตน์คือ อย่างเวลาที่เราจะซื้อของเล่น หลายคนก็คงจะไม่ซื้อแบบครบคอลเลกชัน แต่เลือกซื้อเฉพาะแบบที่ตัวเองชอบ จึงเป็นเหตุผลให้สินค้าที่เป็นที่นิยมก็ขายออกได้เรื่อย ๆ แต่สินค้าที่ไม่เป็นที่นิยมก็ขายออกลำบาก ถ้าขายไม่ออกไปนาน ๆ ก็ต้องทิ้งแล้วกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่เสียไปแบบไม่เกิดประโยชน์
แต่เมื่อปรับคอนเซปต์ร้านแล้วคุณหวางหนิงก็ได้ไอเดียเอาโมเดล “กล่องสุ่ม” มาใช้ ซึ่งกล่องสุ่มช่วยเสริมสร้างประสบการณ์แบบใหม่กับลูกค้า ทำให้รู้สึกสนุกไปกับการลุ้นว่าจะได้ของเล่นตัวไหน แตกต่างกับการเดินเข้าไปเลือกซื้อตัวที่อยากได้เลยที่หน้าร้าน และโมเดลนี้ก็ยังเป็นกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายเยอะขึ้น เพราะมีโอกาสที่ลูกค้าจะไม่ได้ตัวที่อยากได้ในการสุ่มครั้งแรก ๆ ด้วย อีกทั้งยังเป็นกระตุ้นทางอ้อมให้ลูกค้านำตัวที่สุ่มซ้ำมาได้ไปขายต่อ ทำให้ช่วยโปรโมตคอลเลกชันและร้านไปในตัว
ในมุมของผู้ประกอบการ การทำกล่องสุ่มก็มีประโยชน์อย่างมากในการเคลียร์สต็อก เพราะเวลาออกคอลเลกชันหนึ่งมา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีสินค้าบางอย่างที่ขายออกยากกว่าสินค้าอื่นในคอลเลกชัน แต่ลูกค้าที่ซื้อกล่องสุ่มจะไม่สามารถเลือกสินค้าได้และลุกค้าบางกลุ่มก็มักจะซื้อแบบยกเซ็ตไปเลยก็มี ทำให้ร้านมีโอกาสเคลียร์สต็อกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้เอง การออกสินค้ามาแบบจำนวนจำกัดแบบจำกัดการซื้อต่อคนก็ช่วยให้ร้านสามารถคุมอุปสงค์สินค้าได้ด้วย
เมื่อแก้ปัญหาข้อแรกได้แล้วก็มาที่ข้อสองคือทำไมต้องซื้ออาร์ตทอย POP MART มาสะสมด้วย ซึ่งคุณหวางหนิงก็รู้ถึงปัญหาข้อนี้ดี จึงหันไปใช้กลยุทธ์ Co-Branding หรือการร่วมมือกับอีกแบรนด์หนึ่งในการออกสินค้า โดย POP MART จะสามารถสร้างฐานลูกค้าผ่านกลยุทธ์นี้ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงได้ไปจับมือกับศิลปินชาวฮ่องกงชื่อดัง ที่ชื่อ เคนนี หว่อง ที่เป็นเจ้าของผลงาน Molly เจ้าของผลงานเด็กผู้หญิงตาโต
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมคุณเคนนีถึงต้องมาร่วมมือกับ POP MART ที่ยังโนเนมอยู่ด้วย ทำไมคุณเคนนีไม่ทำอาร์ตทอยขายเองไปเลยให้รวยคนเดียว ก็ต้องบอกว่าการที่จะให้คุณเคนนีไปลงทุนผลิตเองหรือจ้างคนอื่นผลิต ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายการบริหารคลังสินค้าหรือการตลาดอีก จึงเรียกได้ว่าความร่วมมือนี้ POP MART มี Competitive Advantage ที่เครือข่ายการผลิตและความชำนาญในการขาย ส่วนคุณเคนนีก็มีตรงด้านชื่อเสียง ทำให้ความร่วมมือนี้ได้ประโยชน์ทั้งคู่
ด้วยเหตุนี้ POP MART คอลเลกชันพิเศษรุ่นแรกจึงกำเนิดขึ้น และสร้างยอดขายให้บริษัทอย่างมากจนถึงปัจจุบัน ที่ POP MART เองก็ยังคงยึดถือโมเดล Co-Branding นี้มาโดยตลอด โดยเมื่อมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งขึ้น ทางบริษัทก็สามารถจับมือกับแบรนด์หรือผู้สร้างคาแรกเตอร์ดัง ๆ ได้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อย่าง Champion และ Yves Saint Laurent หรือคาแรกเตอร์อย่าง Harry Potter Snoopy หรือ Minions
ทีนี้เรามาส่องผลประกอบการของบริษัท Pop Mart International Group กันบ้าง
ปี 2022 รายได้ 21,733 ล้านบาท กำไร 2,701 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 29,673 ล้านบาท กำไร 5,609 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 61,425 ล้านบาท กำไร 16,033 ล้านบาท
รายได้ปีที่ล่าสุดเติบโตจากปีก่อนถึง 107% ในขณะที่ กำไรเติบโตระเบิดถึง 186% ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่บริษัทรับรู้รายได้ที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีนได้มากขึ้นนั่นเอง โดยในปี 2024 บริษัทมีรายได้จากสาขานอกประเทศจีน 23,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 375% และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 39% ของรายได้ทั้งหมด
ที่มา: South China Morning Post,เว็บไซต์ของบริษัท, รายงานประจำปีของ POP MART
ผู้เขียนและเรียบเรียง: พรบวร จิรภัทร์วงศ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS