ในโลกของสื่อโฆษณานอกบ้าน โดยเฉพาะป้ายโฆษณาดิจิทัล เชื่อว่าชื่อของ Plan B จะเป็นอันดับแรกๆ ที่เรานึกถึง เพราะ Plan B เป็นสื่อป้ายโฆษณาดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้เล่นหลักในตลาดสื่อโฆษณานอกบ้านจากการครอบครองสิทธิ์และเครือข่ายสื่อที่ครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทย ทั้งใต้ดิน บนดิน บนทางด่วน แม้กระทั่งบนฟ้า
โดยความสำเร็จของ Plan B ไม่สามารถเติบโตได้เพียงลำพัง แต่เกิดจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง BTS/MRT ที่ทำให้หลายๆคนคุ้นเคยกับป้ายโฆษณาตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะการโดยสารขนส่งสาธารณะ สิ่งที่น่าสนใจต่อจากนี้คือ Plan B ไม่ได้หยุดการเติบโตของธุรกิจอยู่แค่การครองตลาดในประเทศ แต่ยังขยายสู่ตลาดโลกอีกด้วย
วันนี้ ‘Business Plus’ จะมาเปิดข้อมูลที่น่าสนใจของ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ Plan B ผ่าน InfoGraphic นี้
โดย Plan B ก่อตั้งโดย คุณปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นอยู่ 22.43% ซึ่งคุณ ปรินทร์ เริ่มต้นจากการทำสื่อโฆษณาเคลื่อนที่บนรถโดยสารประจำทาง ด้วยการเข้าประมูลจนได้รับสัญญาสัมปทานจาก ขสมก. ให้บริการพื้นที่โฆษณาบนรถเมล์ปรับอากาศ 1,200 คัน
ต่อมาบริษัทได้ขยายเครือข่ายสื่อไปสู่สื่อรูปแบบอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป้ายริมถนน และปัจจุบันป้ายโฆษณาดิจิทัลในขนส่งสาธารณะอย่าง BTS/MRT สนามบิน ทางด่วน แม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า ก็เป็นของ Plan B ทั้งหมด หลังจากที่ได้พันธมิตรสำคัญอย่าง บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งทำธุรกิจสื่อโฆษณา อย่างสื่อบนรถไฟฟ้า สื่อในสนามบิน สื่อในอาคาร และสื่อในโมเดิร์นเทรด ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น Plan B เป็นอันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 19.51%
ซึ่งการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ VGI นี่แหละที่ทำให้ Plan B สามารถขยายสิทธิ์การโฆษณาไปยังขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า BTS (ทั้งสายสีเขียว ชมพู เหลือง) เพราะ VGI เป็นบริษัทในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ดังนั้น การที่ Plan B ได้รับสัญญารับจ้างบริหารการขายสื่อโฆษณากับ VGI จึงเป็นขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านของบริษัทฯ ได้อย่างแข็งแกร่ง
ทีนี้มาเจาะโปรไฟล์ธุรกิจของ Plan B กันว่า ปัจจุบันมีสื่อที่ครอบครองอยู่เท่าไหร่กันบ้าง
ปัจจุบัน Plan B เป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้านครบวงจรแบ่งได้ดังนี้
– ป้ายภาพนิ่งกว่า 3,040 ป้าย
– ระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมทั้งรถโดยสาร 2,683 คัน
– สถานี BTS และ MRT รวม 136 แห่ง
– เครือข่าย Muvmi กว่า 300 คัน
– จอดิจิทัลมากกว่า 600 จอ
– ห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 14,305 จอ
– สื่อภายในสนามบิน 28 แห่ง
ซึ่ง Plan B ไม่ได้หยุดเพียงแค่การครองตลาดโฆษณานอกบ้านในประเทศไทย แต่ยังขยายเครือข่ายไปสู่ต่างประเทศ ทั้งในลาว มาเลซีย สิงคโปร์ และนิวยอร์ก โดยหนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดคือการได้ร่วมบริหารจัดการพื้นที่สื่อ 2 Times Square ใจกลางมหานครนิวยอร์ก
โดย Plan B สามารถใช้จุดแข็งคือการเป็นเจ้าตลาดในประเทศไทยกลายเป็นบันไดสำคัญที่ผลักดันก้าวไปสู่เวทีระดับโลกได้ ซึ่งการได้เข้าร่วมบริหารจัดการพื้นที่โฆษณา 2 Times Square ที่เป็นหนึ่งในสื่อโฆษณานอกบ้านที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใจกลาง Times Square แลนด์มาร์กสำคัญของนิวยอร์กที่มีทราฟฟิกเฉลี่ยมากกว่า 360,000 คนต่อวัน ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ให้ Plan B สูงขึ้น แต่ยังตอกย้ำบทบาทของ Plan B ในฐานะแบรนด์สื่อไทยที่ยกระดับขึ้นสู่มาตรฐานระดับโลก
สะท้อนผ่านผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสามปีที่ผ่านมารายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 6,706.16 ล้านบาท ในปี 2565 เป็น 8,445.89 ล้านบาท ในปี 2566 และแตะ 9,237.92 ล้านบาท ในปี 2567 ขณะที่กำไรสุทธิก็ขยับขึ้นตามลำดับจาก 703.17 ล้านบาท เป็น 911.25 ล้านบาท และ 1,050.38 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ผลการดำเนินงานจะแข็งแรง แต่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกลับผันผวนจากที่เคยขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่ 37,962.65 ล้านบาท ในปี 2566 กลับลดลงมาอยู่ที่ 30,455.91 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะตลาดหุ้นที่ค่อนข้างผันผวน และเผชิญความท้าทายในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน
แต่หากเราวิเคราะห์ข้อมูลจากเทรนด์การเติบโตของรายได้ กำไรสุทธิ หรือแม้กระทั่งแผนขยายธุรกิจในอนาคตต้องบอกว่า Plan B มีทิศทางการเติบโตที่ดี และมีศักยภาพในการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่มา: planbmedia, SET
เขียนและเรียบเรียง : สถาปัตย์ มะดวง
#BusinessPlus
#ธุรกิจ
#PlanB