ธุรกิจสัตว์เลี้ยง

ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในไทยกำลังจะเจอภาวะการแข่งขันสูง แม้ตอนนี้จะเป็น ‘ดาวรุ่ง’ แต่ยอดจัดตั้งบริษัทสูงเกือบ 3,700 ราย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเห็นการเทรนด์การเลี้ยงสัตว์แทนการมีบุตรในไทยนั้น เป็นที่นิยมอย่างมาก จึงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นั่นจึงทำให้มีผู้เล่นเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก จนล่าสุดมีการจัดตั้งธุรกิจมากเกือบ 3,700 บริษัทด้วยกัน ซึ่งหากการจัดตั้งธุรกิจยังคงเพิ่มขึ้นด้วยอัตราส่วนนี้จะทำให้อนาคตต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมาก

ข้อมูลจาก ‘กระทรวงพาณิชย์’ เปิดเผยว่า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยโตต่อเนื่อง 5 ปี (62-66) รายรับรวมเฉลี่ย 3.3 แสนล้านบาท กำไรรวมเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจัยหนุน พฤติกรรมนิยมเลี้ยงสัตว์เสมือนคนในครอบครัว และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ที่ผู้สูงอายุนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน คาดการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากคู่แข่งเพิ่ม อาหารสัตว์จากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด เตือนผู้ประกอบการรับมือ

โดย ปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต โดยหันมาอยู่บ้าน และใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น รวมถึงการพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เวลายามว่างเพื่อแก้เหงา จนสัตว์เลี้ยงกลายเป็นเสมือนคนในครอบครัว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้ “ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง” เติบโตขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จากคลังข้อมูลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD DataWarehouse+) พบว่า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง มีอัตราการเติบโตขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2566-2567) ทั้งจำนวนการจัดตั้งใหม่ และทุนจดทะเบียน โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 68 ประเทศไทยมีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งสิ้น 3,659 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 145,219.38 ล้านบาท โดยปี 2566 มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 487 ราย ทุนจดทะเบียน 658.85 ล้านบาท ปี 2567 จัดตั้ง 436 ราย (ลดลง 51 ราย หรือ 10.47%) ทุน 681.71 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22.86 ล้านบาท หรือ 3.47%) ปี 2568 (มกราคม – เมษายน) จัดตั้ง 124 ราย ทุน 186.10 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 5 ปีที่ผ่านมา (2562 – 2566) พบว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมของธุรกิจเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท ขณะที่ผลกำไรเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ทิศทางของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยังมีอนาคตที่สดใส และคาดว่าจะมีอัตราการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จึงต้องมีการปรับตัวให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงต้องเปิดโลกทัศน์ด้านการประกอบธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม และเชื่อมโยงพันธมิตรเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทางและมีความยั่งยืน

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสัตว์เลี้ยงได้กลายมาเป็นคอนเทนต์สร้างสีสันในโลกโซเชียล (Petfluencer) สร้างรายได้ให้เจ้าของที่นำเรื่องราวความน่ารัก หรือการพาสัตว์เลี้ยงของตนเองไปท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ มาเผยแพร่บนโลกออนไลน์จนเกิดผู้ติดตาม และสร้างอิทธิพลทางความคิดจนเกิดการอยากเลี้ยงสัตว์ตามมา

อีกทั้งการซื้อขายของใช้ อาหาร ขนม หรือของเล่นของสัตว์ที่สินค้ามีความหลากหลายให้เลือกซื้อมากขึ้น มีธุรกิจเกิดใหม่จากวัฏจักรชีวิตสัตว์เลี้ยงที่เรารัก เช่น บริการ Health & Wellness สำหรับสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรับจัดงานอวมงคลโดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง ประกอบกับผู้ผลิตได้ปรับตัวในการผลิตสินค้าให้มีความปลอดภัย มีรูปแบบที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีมาช่วยเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง และเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

รวมถึงปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวอย่างห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ก็ต่างปรับตัวให้เป็น Pet Friendly ลูกค้าสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเที่ยวด้วยกันได้ จึงทำให้เกิดสังคมคนเลี้ยงสัตว์มารวมตัวกัน และยังมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ที่มา : IQ , กระทรวงพาณิชย์

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+  : https://lin.ee/pbIHCuS

IG  : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#BusinessPlus
#เทรนด์ธุรกิจ
#ธุรกิจสัตว์เลี้ยง