OR Sustainable Growth สามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จในธุรกิจ จนได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน

ภายใต้การดำเนินธุรกิจ โดยนำเอาความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในทุคยุคทุกสมัย ส่งผลให้ OR สามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จในธุรกิจ จนได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน

ปีที่ผ่านมา เป็นปีทองสำหรับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดย OR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นหุ้นที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตลาดหุ้นไทยที่มีรายการจองซื้อ และจำนวนผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยวิธีการกระจายหุ้นแบบ Small Lot First ให้ประชาชนได้ร่วมเป็นเจ้าของ OR อย่างทั่วถึง

ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกนี้ OR มีกำไรสุทธิ 7,228 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4,810 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ปี 2563 (YoY) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ประสิทธิภาพที่โดดเด่นนี้ มาจากวิสัยทัศน์ ของ คุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  ที่ได้กำหนดทิศทางกลยุทธ์ของ OR มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับธุรกิจแบบผสมผสาน ตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกัน (Inclusive Growth) สร้างชุมชนที่น่าอยู่ (Living Community) และสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ (Healthy Environment) ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่มีปัจจัยสำคัญเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก และส่งผลกระทบไปยังทุกกลุ่มธุรกิจ ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับ “ความปกติแบบใหม่” หรือ “New Normal” OR วาง กลยุทธ์การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของ OR ภายใต้การแข่งขันสูง ต้องเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์คนเดินทางและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในทุกยุคทุกสมัย โดยอาศัยกลยุทธ์ 6 ด้าน ประกอบด้วย

กลยุทธ์ที่ 1 “ครอบคลุมมากขึ้น” ด้วยการขยายธุรกิจและฐานลูกค้าเพื่อคงความเป็นผู้นำในประเทศไทยทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น

กลยุทธ์ที่ 2 “ตรงใจมากขึ้น” เดินหน้ากลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ด้วยการขยายสาขา พัฒนาแบรนด์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า

กลยุทธ์ที่ 3 “ก้าวไกลมากขึ้น” ด้วยแผนผลักดันการเติบโตในระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่อมุ่งสู่ Global Brand

กลยุทธ์ที่ 4 “ครบวงจรมากยิ่งขึ้น” OR จะเป็น The best neighborhood lifestyle destination และตอบโจทย์ Mobility Ecosystem ที่เน้นให้บริการ พลังงานทุกประเภทที่ีตอบโจทย์คนเดินทางในอนาคต

กลยุทธ์ที่ 5 “ประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น” ด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีและ Supply Chain เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาดต

กลยุทธ์ที่ 6 สร้าง “คุณค่าที่ดียิ่งขึ้น” ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

จะเห็นว่า ทั้ง 6 กลยุทธ์หากสรุปให้ชัดเจนก็คือ OR ต้องการเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่ร่วมสร้างประโยชน์ให้กับสังคมชุมชน ดังนั้น แผนธุรกิจต่าง ๆ จะค่อย ๆ เปิดตัวด้วยกิจกรรมเชิงรุกอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้น

ทั้งนี้ คุณจิราพร บอกว่า OR ไม่หยุดที่จะขยายการเติบโตทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับธุรกิจน้ำมัน OR มีศักยภาพจากความเป็นผู้นำในการจำหน่ายเชื้อเพลิงทุกประเภท  ในขณะเดียวกันก็มีความโดดเด่นของโมเดลธุรกิจ Integrated platform ระหว่าง Oil และ Non-Oil ซึ่งจะทำให้ พีทีที สเตชั่น เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) OR มีแผนขยายสาขา Café Amazon ทั้งใน และต่างประเทศหลังจากเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดกาแฟอีกมาก รวมถึงการขยายธุรกิจ LPG พร้อมคลังเก็บผลิตภัณฑ์และขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น เพื่อเจาะฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ

นอกจากนี้ การมองหาพันธมิตรทางธุรกิจก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะนำเอาความเข้มแข็งของแต่ละองค์กรเข้ามาร่วมกันพัฒนารูปแบบทางธุรกิจที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในอนาคตร่วมกัน ผ่านการ JV และ M&A ลุยธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ มาก่อน

นอกจากขยายธุรกิจที่มีอยู่ให้ครอบคลุมมากขึ้นแล้ว OR ได้เปิดแผน สยายปีกสู่ธุรกิจใหม่ ภายใต้กรอบ Mobility & Lifstyle เช่น  Health & Wellness รวมไปถึง Digital Lifestyle ต่าง ๆ ที่จะตอบสนองต่อผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้า

หลังจากมองเห็นการเติบโตในอนาคต และเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดย OR นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น

“เราพัฒนาระบบ Cloud Computing Platform เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านหลากหลายช่องทาง (Omni-channel) ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศหลัก เพื่อรองรับการเข้าถึงแบบ Real Time รวมไปถึงการต่อยอดบริการแบบ online-to-offline experience ด้วยข้อได้เปรียบจากการมีข้อมูล Insight โดยการใช้ประโยชน์จากฐานสมาชิก Blue Card กว่า 7.5 ล้านราย และการเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้าใช้บริการร้านค้าในเครือ OR มากกว่า 3 ล้านคนต่อวัน รวมถึง OR ยังสนับสนุนการใช้พลังงานสะอา รองรับความต้องการใช้ EV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงในอนาคต”

จากผลงานที่โดดเด่นที่ระบุมาข้างต้น ส่งผลให้ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คว้ารางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2021 ประเภทอุตสาหกรรมค้าปลีก-ค้าส่ง ไปครอง อย่างน่าชื่นชม