กองทุนน้ำมันเริ่มฟื้นเหลือติดลบไม่ถึงแสนล้าน วางแผนปลดหนี้ภายใน 4 ปี

กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นกลไกที่รัฐบาลใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลในประเทศมาตั้งแต่ปี 2516 เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในราคาที่เหมาะสม ไม่กระทบต่อการดำรงชีพจนมากเกินไป

โดยหลักการของกองทุนน้ำมันคือ ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) จะใช้เงินในกองทุนมาชดเชยไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินกว่าที่กำหนด นั่นคือ 33 บาทต่อลิตร พูดง่ายๆ คือ กองทุนน้ำมันจะช่วยจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันโลกที่พุ่งสูงขึ้นกับราคาที่ต้องการตรึงเอาไว้ให้กับทุกคนในทุกๆ การเติมน้ำมันแต่ละครั้งของคนไทย

สาเหตุที่ต้องเป็นน้ำมันดีเซลนั้น เป็นเพราะว่าดีเซลถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม ใช้กับเครื่องจักรในโรงงาน และยังเป็นต้นทุนสำหรับภาคขนส่ง ดังนั้นถ้าราคาน้ำมันดีเซลเพิ่ม จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น

และด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงผันผวน จากสงครามตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด และกลุ่มโอเปกพลัสขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต ทำให้ราคาขายปลีกราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วยเพราะประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศเป็นหลัก นั่นจึงทำให้สภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายจ่ายมากกว่ารายรับมาโดยตลอดเพราะประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันจึงต้องซื้อน้ำมันในราคาเดียวกับตลาดโลก

อย่างไรก็ตามล่าสุดมีการเผยผลการดำเนินการในรอบปีงบประมาณ 2567 (1 ต.ค.66-30 ก.ย.67) ว่า ฐานะของกองทุนในปัจจุบันติดลบไม่ถึงแสนล้านบาท หลังสภาพคล่องเริ่มดีขึ้นในเดือน ส.ค.67 โดยมีรายรับราว 7,000-9,000 ล้านบาท/เดือน ส่งผลให้ประมาณการฐานะกองทุนจากวันที่ 28 ก.ค.67 ที่เคยติดลบ 111,663 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท) เหลือติดลบ 99,087 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 51,643 ล้านบาท และบัญชี LPG 47,444 ล้านบาท) ณ วันที่ 29 ก.ย.67

สาเหตุเป็นเพราะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบปีที่ผ่านมาเฉลี่ยโดยรวมลดลงจากปีงบประมาณก่อน โดยราคาน้ำมันตินดิบตลาดดูไบอยู่ที่ 81.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้อยกว่าปิงบประมาณก่อนซึ่งอยู่ 83.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 102.01 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 112.90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ขณะที่ทาง สกนช.เตรียมใช้กองทุนน้ำมัน เข้ามาบริหารจัดการราคาดีเซล โดยยังตรึงไว้ที่ 33 บาท/ลิตร เนื่องจากคาดว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้าราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวนและมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น โดยหากราคาดีเซลโลกขยับขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กบน. อาจจำเป็นต้องปล่อยให้เกิดการปรับราคาดีเซลเกิน 33 บาทต่อลิตรได้ และหากราคาปรับลดลง ก็อาจพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันดีเซลได้เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันตลาดโลกอยู่ประมาณ 81.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

รวมไปถึงขณะนี้กองทุนน้ำมัน มีเงินไหลเข้าสุทธิ 231.29 ล้านบาท/วัน หรือ 7,170 ล้านบาท/เดือน โดยรายได้หลักของกองทุนน้ำมันมาจากส่วนต่างที่เกินมาระหว่างราคาน้ำมันที่ตรึงไว้กับตลาดโลก และมาจากส่วนของภาษีสรรพสามิตที่กรมสรรพสามิตเรียกเก็บจากผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ , จากส่วนของภาษีศุลกากรที่กรมศุลกากรเรียกเก็บจากผู้นำเข้าน้ำมัน และจากส่วนของผู้ค้าน้ำมันและผู้รับสัมปทานที่ทำธุรกิจก๊าซ

ซึ่งสภาพคล่องที่ดีขึ้น ทั้งจากราคาน้ำมันโลกที่ทยอยลดลง และรายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอทำให้คาดการณ์ว่าจะสามารถจ่ายหนี้หมดได้ภายในปี 2571 โดยมีแผนที่จะจ่ายหนี้เงินกู้ยืมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน โดยจะเริ่มชำระเงินต้นในเดือน พ.ย.67 ประมาณ 139 ล้านบาท และเพิ่มการผ่อนชำระหนี้เงินต้นขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือนตามวงเงินกู้ยืม

อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นยังไม่คลี่คลายก็อาจจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ทำให้กองทุนน้ำมันอาจต้องแบกรับภาระที่สูงขึ้นอีก ดั้งนั้น จึงต้องคอยติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ยังคงมีความผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันอีกครั้ง

ที่มา : สกนช.

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus

Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #กองทุนน้ำมัน #กองทุน #น้ำมันดีเซล #น้ำมันในประเทศ