The Success Story of The Month By ‘ Business Plus’ ฉบับเดือนมิถุนายน 2568 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ซึ่งจะมาพูดคุยถึงเรื่องราวแบบเจาะลึก ถึงเส้นทางการเปลี่ยนแปลงองค์กรแห่งนี้ในหลายมิติ ด้วยการ Insight เป็นแบรนด์ที่เข้าใจบริบทของสังคมไทย วิถีชีวิต และความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงวัยอย่างลึกซึ้ง
The Evolution OCEAN LIFE Disrupting Insurance Perceptions for the New Gen
วิสัยทัศน์อันกล้าหาญของนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กับก้าวที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
Key Performance ของบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN LIFE ในปีที่ผ่านมา มีรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 13,883 ล้านบาท บริษัทมีสินทรัพย์ 106,773 ล้านบาท เงินสำรองประกันชีวิต 80,488 ล้านบาท และอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) 395.18% ซึ่งสูงกว่าเงินกองทุนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดที่ 140% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,113 ล้านบาท
ถ้าถามว่า นี่คือผลงานที่ดีที่สุดหรือยัง ? คำตอบจากคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บอกกับเราว่า “ปีนี้ผลการดำเนินงาน OCEAN LIFE ไทยสมุทร จะผลักดันผลงานให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา”
ใครที่ได้สัมผัสหรือรู้จักคุณนุสราดีมากพอ คงจะทราบเป็นนัยว่า “OCEAN LIFE ไทยสมุทร ประกาศความพร้อมกับการทำธุรกิจเชิงรุกเพิ่มขึ้น” และด้วยบุคลิกที่ลงมือทำ มากกว่าการสั่งงานอยู่บนหอคอย พนักงานส่วนใหญ่ของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงเห็นและสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของเธอที่อยากจะผลักดันการทำงานร่วมกับทีมงานทุกคน เพื่อหวังส่งมอบบริการแก่ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
และต้องยอมรับว่า ตลอดระยะเวลาที่เธอเข้ามารับช่วงบริหารต่อจากบิดาของเธอ คือ คุณกฤษณ์ อัสสกุล และในฐานะผู้นำของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ซึ่งในปีนี้จะครบรอบ 76 ปี เธอได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ มุ่งมั่นผลักดันให้บริษัทแห่งนี้มีรากฐานที่แข็งแกร่ง เติบโตอย่างมั่นคง และสามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างสง่างาม
และหากใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ก็ต้องบอกว่า คุณนุสรา กำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรแห่งนี้ในหลายมิติ ด้วยการ Insight เป็นแบรนด์ที่เข้าใจบริบทของสังคมไทย วิถีชีวิต และความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงวัยอย่างลึกซึ้ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดแข็งสำคัญของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในการนำมาออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดและจริงใจที่สุดแบรนด์หนึ่ง
หมายความว่า คุณนุสรากำลังจะสร้างมูลค่าเพิ่มที่จะใช้สร้างความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการผสมผสานสินค้าและบริการที่ดีควบคู่กันไปทั้งกระบวนการ ตั้งแต่สายสัมพันธ์อันดีกับพนักงานผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ไปถึงยังกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่
และแน่นอนว่า แบรนด์ประกันชีวิตเกือบทุกแห่งต่างให้ความสำคัญกับการเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z เพราะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง และกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต แต่ถึงแม้เป้าหมายจะคล้ายกัน กลยุทธ์และจุดเน้นของแต่ละแบรนด์จะมีความแตกต่างกัน เพื่อสร้างความโดดเด่นและดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายในแบบของตัวเอง
ทุกเรื่องราวแบบเจาะลึก มาลองฟังคำตอบที่ทุกคนอยากค้นหาจากคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต ได้เลยครับ…
ความท้าทายที่มาพร้อม Passion
คุณนุสราเล่าถึงคำสอนจากคุณกฤษณ์ อัสสกุล ผู้เป็นบิดาและผู้ก่อตั้ง OCEAN LIFE ไทยสมุทร ซึ่งมักกล่าวว่า “โตขึ้น ถ้าเราเก่งจริง เราทำงานอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาทำประกันชีวิต” ด้วยคำสอนนี้เอง ทำให้ช่วงแรกของการทำงาน คุณนุสราจึงไม่ได้เริ่มต้นในธุรกิจประกันชีวิต แต่กลับเติบโตในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 20 ปี หลังเรียนจบ
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เมื่อไทยสมุทรฯ ซึ่งเคยเป็นบริษัทประกันภัยท้องถิ่นอันดับ 1 ต้องเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากวิกฤตเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้สถานะของแบรนด์ลดลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2010 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ทาบทามคุณนุสราให้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของไทยสมุทรประกันชีวิต แม้จะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต แต่ด้วยความผูกพันต่อครอบครัว และความรับผิดชอบต่อลูกค้าและตัวแทนจำนวนมาก เธอจึงตัดสินใจรับความท้าทายนี้
“ในตอนนั้นเป็นการตัดสินใจที่เร่งด่วนนิดหนึ่ง ในใจไม่ได้อยากทำ อาจเพราะว่าเราถูกปลูกฝังในใจมาตลอดว่า ไม่ต้องทำประกัน แต่มีความรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ทำแล้ว ถ้าไทยสมุทรฯ มีปัญหา เครดิตที่เราเคยมีมา มันจะเสียไป”
ดังนั้น การเริ่มต้นครั้งใหม่ในวัย 48 ปี มาพร้อมกับความท้าทายในการเรียนรู้ธุรกิจประกันชีวิตอย่างรอบด้าน จากการขายคอนโดมิเนียมราคาหลายสิบล้านบาท ต้องเปลี่ยนมาขายประกันชีวิตเบี้ยประกันเดือนละ 400 บาท ทำให้คุณนุสราต้องปรับตัวและปรับแนวคิดในการบริหารธุรกิจอย่างมาก ซึ่งทางเลือกของคุณนุสราในเวลานั้นคือ การเปิดใจเรียนรู้จากทุกคนรอบข้างอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเร่งทำความเข้าใจธุรกิจประกันชีวิตให้เร็วที่สุด เพราะโจทย์แรกที่ได้รับคือ การแก้ไขปัญหาการทำกำไรของบริษัทฯ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งเมื่อได้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็เริ่มมองเห็นโอกาสในการนำพาบริษัทกลับมาสร้างกำไรได้อีกครั้ง
“ช่วงนั้นเหมือนเป็น ‘เด็กอนุบาล’ ต้องเรียนรู้ธุรกิจนี้ใหม่หมด ทั้งเรื่องภายในองค์กร ช่องทางตัวแทน และตัวเลขฝั่งประกันชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ต้องเรียนรู้ให้ทัน โชคดีอาจารย์เราเต็มไปหมดเลย เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่แรก แต่ถือว่าทุกคนในวงการประกันคือ ‘อาจารย์’ สอนเราในทุกเรื่อง จนเข้าใจว่า ธุรกิจนี้คือการช่วยคนวางแผนทางการเงิน ดูแลสุขภาพ และสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ถือเป็นการเข้าสู่ธุรกิจด้วยความอบอุ่น”
พลังความรัก : หัวใจการบริหารคน
เมื่อเข้ามารับตำแหน่ง คุณนุสราได้นำ “พลังความรัก” ซึ่งเป็นแนวทางที่คุณพ่อปลูกฝังไว้ มาเป็นหัวใจในการบริหารคน เธอเชื่อว่าพนักงานจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ เมื่อรู้สึกว่าตนเองได้รับ “ความรัก” จากองค์กร ด้วยแนวคิดนี้เอง แม้ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ไทยสมุทรฯ จะมีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ และการสร้างแบรนด์ให้ทันสมัย แต่วัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความรัก ก็ทำให้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรฯ สามารถฝ่าฟันทุกวิกฤตมาได้อย่างมั่นคง
นอกจาก “พลังความรัก” แล้ว คุณนุสรายังมองว่า จุดแข็งอีกประการของไทยสมุทรประกันชีวิต คือการยึดมั่นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และใช้พลังความรักมาเป็นหัวใจในการออกแบบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า “ดิฉันเชื่อว่า ความเป็นไทยเมื่อหลอมรวมกับพลังความรัก ความคิดทันสมัย และการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ จะกลายเป็นพลังที่แข็งแกร่ง และทำให้เราสามารถแข่งขันได้”
“ซึ่งเราไม่เพียงเป็นบริษัทประกันชีวิต แต่คือเพื่อนร่วมทางและสมาชิกในครอบครัว ที่พร้อมดูแลชีวิตและสุขภาพของลูกค้าในทุกช่วงเวลา และด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับความอบอุ่นของหัวใจคนไทย เราทำให้เรื่องประกันชีวิตกลายเป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัว และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน พร้อมส่งมอบบริการที่รวดเร็ว แม่นยำ และเปี่ยมด้วยความใส่ใจ ในแบบที่บริษัทไทยเท่านั้นที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง”
เพราะไทยสมุทรคิดถึง (ลูกค้า) “ก่อนใคร”
กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาโครงสร้างธุรกิจมาหลายครั้ง นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2492 ด้วยเจตนารมณ์ของคุณกฤษณ์ อัสสกุล ที่ต้องการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการความคุ้มครองมากที่สุด
ในช่วงแรก ไทยสมุทรฯ เติบโตอย่างรวดเร็วจากการขายประกันชีวิตประเภทอุตสาหกรรม หรือ “กรมธรรม์ประชาสงเคราะห์” ซึ่งมีเบี้ยประกันที่เข้าถึงได้ และให้ความคุ้มครองที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยทุกกลุ่มมีโอกาสได้รับหลักประกันชีวิตอย่างเท่าเทียม
“นอกจากคุณพ่อจะแก้บริษัทขาดทุนให้กลายเป็นกำไร คุณพ่อยังเป็นผู้บุกเบิกการทำกรมธรรม์ที่เข้าใจง่ายในยุคแรก ๆ เรียกว่า กรมธรรม์ประชาสงเคราะห์ เป็นกรมธรรม์เล็ก ๆ ที่ให้ผลประโยชน์หลากหลาย ทั้งอุบัติเหตุ เสียชีวิต และมีเงินออม ซึ่งเรายังคงมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์เหล่านี้อยู่”
LOVE MINDSET : พลังความรัก เอาชนะทุกวิกฤต
ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา คุณนุสราต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกองค์กรอยู่เสมอ แต่ช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดคือ “วิกฤตโควิด-19” ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ยังบีบให้องค์กรต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความไม่แน่นอน ความกลัว และข้อจำกัดมากมาย
“ช่วงเวลานั้น ดิฉันต้องนำองค์กรให้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัลเกือบทั้งหมดในเวลาอันสั้น และยังต้องทำให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย และยังมีพลังในการทำงานร่วมกัน”
จากบทเรียนในวิกฤตโควิด-19 ไทยสมุทรฯ ได้นำ “พลังความรัก” มาเป็นแนวคิดสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งเรียกว่า “LOVE MINDSET” ประกอบด้วยความรัก 3 ด้าน
1. LOVE YOUR HEALTH : การรักและดูแลสุขภาพตนเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้พร้อมรับมือกับความเสี่ยงในอนาคต
2. LOVE YOUR WEALTH : การรักการออมและการวางแผนการเงิน เพื่อสร้างความมั่นคงและพร้อมรับมือกับทุกวิกฤต
3. LOVE THE WORLD : การรักษ์โลกและแบ่งปันความช่วยเหลือสู่สังคม เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
นำองค์กรฝ่า VUCA World
ในยุคที่โลกเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอน หรือ VUCA World คุณนุสรามองว่า ผู้นำองค์กรต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ทันต่อเหตุการณ์ และสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว การสื่อสารที่ชัดเจนภายในองค์กร ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเป้าหมายและทิศทางขององค์กร
“การอยู่รอดในยุคใหม่ ไม่ใช่แค่การปรับตัว แต่ต้องนำการเปลี่ยนแปลง” เธอกล่าว
“ในฐานะผู้นำ ย่อมตระหนักดีว่า ความกดดันคือส่วนหนึ่งของบทบาทที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว หน้าที่ของผู้นำคือการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงขององค์กร และความเป็นอยู่ของพนักงาน รวมถึงที่ปรึกษาประกันชีวิต ซึ่งเราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ในทุกการตัดสินใจ ดิฉันเลือกใช้ “พลังของความรัก” เป็นเข็มทิศ ไม่ใช่เพียงแค่ความรักในงานหรือองค์กร แต่คือความรักในผู้คน ความเข้าใจในความรู้สึก และความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่มีต่อทุกชีวิตที่เราเกี่ยวข้อง เราเชื่อมั่นว่า หากเราทำทุกสิ่งด้วยความรักอย่างแท้จริง เราจะสามารถพาทุกคนผ่านพ้นวิกฤต และสร้างอนาคตที่มั่นคงและมีความหมายร่วมกันได้”
“นอกจากนี้ การที่เรากล้าเปิดรับการเปลี่ยนแปลง กล้าคิด กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ พร้อมผสมผสานเทคโนโลยีกับความเข้าใจชีวิตของผู้คนอย่างลึกซึ้ง ทำให้เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกยุคทุกสมัย ทั้งในเรื่องสุขภาพ การวางแผนการเงิน และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย”
ด้วยแนวคิดนี้ ไทยสมุทรประกันชีวิตจึงมุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ที่จะทำให้ทุกคนสามารถปรับตัวและรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง โดยยังคงใช้พลังความรักขับเคลื่อนธุรกิจ และยกระดับ Love Mindset ผ่าน 3 โซลูชันหลัก
1. Healthiverse Solution : นำเสนอประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง และบริการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร
2. Wealthiverse Solution : นำเสนอประกันสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตควบการลงทุน เพื่อเป็นเครื่องมือในการออมและวางแผนการเงิน
3. Happiverse Solution : มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตด้านความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับคนรุ่นต่อไป
OCEAN LIFE ไทยสมุทรฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและบริการดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ลูกค้าในทุกช่วงชีวิต รวมถึงการให้ความสำคัญกับ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล) และความยั่งยืน
Growth Mindset : พลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
คุณนุสราเชื่อว่า “คนรักบริษัท” คือพลังสำคัญที่ทำให้ไทยสมุทรฯ สามารถฝ่าฟันทุกวิกฤตมาได้
“คนที่รักบริษัท พร้อมที่จะเสียสละ ทุ่มเท เพื่อให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง ซึ่งผู้นำมีหน้าที่ชี้แนะแนวทาง อธิบายเหตุผลและความจำเป็น สิ่งสำคัญคือการพัฒนาศักยภาพของคน ไม่ว่าจะมีระบบอะไรเข้ามา แต่คนก็เป็นผู้ที่ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ใช้ระบบอย่างไร”
พลังความรักนี้เอง ที่หล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรของ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต ให้เต็มไปด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และมีเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งกลายเป็น Core Value ที่ขับเคลื่อนองค์กรมาอย่างยาวนาน
“การที่ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิตสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยืนหยัดมาได้ยาวนานกว่า 75 ปี ดิฉันเชื่อว่ามาจากหลายปัจจัยที่หล่อหลอมร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความมั่นคงในเจตนารมณ์ขององค์กร ที่ยึดมั่นในภารกิจการสร้างหลักประกันชีวิตให้กับคนไทยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นหัวใจของสังคมไทยมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้”
“เราเชื่อว่า ความรักเป็นแรงผลักดันที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นความรักในงาน รักในธุรกิจ รักในเพื่อนร่วมงาน รักในลูกค้า และรักในสังคม ซึ่งทำให้เราทำงานด้วยใจ และพร้อมที่จะพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง”
“เราเชื่อว่า ความรักคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใส่ใจในสุขภาพ ความมั่นคงในชีวิต หรือการดูแลคนที่เรารัก เมื่อเรานำความรักมาเป็นแก่นของการทำงาน เราจะทำงานด้วยหัวใจ ใส่ใจในทุกรายละเอียด และมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและสังคม”
คุณนุสราใช้พลังความรักในทุกมิติรอบด้าน โดยเริ่มต้นที่ตัวเธอเอง ซึ่งวันนี้เธอกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย ว่ามีความรักให้กับธุรกิจประกันชีวิตเต็มร้อย
“ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่ดี ไม่ได้ไปโกงใคร แต่เป็นธุรกิจที่ช่วยคนในการวางแผนทางการเงิน คุ้มครองความเสี่ยงด้านสุขภาพ”
เธอยังเชื่อว่า บทบาทของไทยสมุทรประกันชีวิตกำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำสิ่งดี ๆ ให้สังคมโดยรวม เพราะหากคนในครอบครัวมีการวางแผนการเงินที่ดี มีความคุ้มครองความเสี่ยง ครอบครัวก็จะแข็งแรง และสังคมประเทศชาติก็จะแข็งแรงตามไปด้วย
ด้วยความเชื่อนี้ เธอจึงใช้พลังความรักในการสร้างความเข้าใจให้กับคนในองค์กรและลูกค้า ว่าธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่ดี และไทยสมุทรฯ เป็นองค์กรบรรษัทภิบาล ที่ยึดมั่นในสัญญา มีเครดิตและชื่อเสียงทางการเงิน
ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง การดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้คุณนุสราได้รับรางวัล “บุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจแห่งปี 2024 ภาคธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต” จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ซึ่งคุณนุสรามองว่า จะเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจต่อไป
จาก “คิดถึงคุณก่อนใคร” สู่ “รักตัวเอง รักสุขภาพ จะได้ทำสิ่งที่รักไปนาน ๆ “
อีกความท้าทายขององค์กรที่มีอายุยาวนานกว่า 70 ปี คือการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป แนวคิดเรื่อง “ความรัก” ของไทยสมุทรประกันชีวิตก็มีการพัฒนาไปตามกาลเวลา เริ่มต้นจากสโลแกน “ไทยสมุทรคิดถึงคุณก่อนใคร” ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก (Customer Centric) ตามคำสอนของคุณกฤษณ์ อัสสกุล
จนถึงวันนี้ “พลังความรัก” ได้ถูกปรับให้เข้ากับยุคสมัยและกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Y ผ่านแนวคิด “รักตัวเอง รักสุขภาพ จะได้ทำสิ่งที่รักไปนาน ๆ ”
คุณนุสราอธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มาจากการที่พนักงานส่วนใหญ่ (60-70%) และลูกค้ากลุ่มใหญ่ของบริษัท คือกลุ่ม Gen Y ซึ่งการสื่อสารแบรนด์แบบเดิม อาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มนี้ได้ แนวคิดเรื่อง “รัก” จึงถูกนำมาใช้ เพราะเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคน Gen Y ที่ให้ความสำคัญกับการรักและดูแลตัวเองเป็นอันดับแรก
“เรายังพบว่า Gen Y เป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนมากที่อยู่ในวัยทำงาน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในแง่ของหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ และไลฟ์สไตล์ หรือในอีกมิติหนึ่งกลุ่ม Gen Y จะถูกหลายคนเรียกว่า ‘เดอะแบก’ ของทั้งครอบครัวและหน้าที่การงาน หลายคนต้องทุ่มเทกับชีวิต จนบางครั้งละเลยการดูแลตัวเอง ทั้งที่จริงแล้ว การรักตัวเองและดูแลสุขภาพ คือรากฐานสำคัญที่จะทำให้พวกเขาทำสิ่งที่รัก และดูแลคนที่รักไปได้อีกยาวนาน ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานที่ทุกคนมีเหมือนกัน
เราจึงมุ่งใช้ศักยภาพด้านประกันชีวิตสนับสนุนให้กลุ่ม Gen Y ดำเนินชีวิตด้วยความมั่นคง มั่นใจ สอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่มุ่งทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย เพื่อให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้นำเสนอแคมเปญ ‘รักตัวเอง รักสุขภาพ จะได้ทำสิ่งที่รักไปนาน ๆ’ เพื่อส่งเสริมให้คน Gen Y ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอันดับแรก”
“วันนี้เราเปลี่ยนพลังความรัก ชิฟต์ของเก่ายังดีอยู่ แต่เริ่มชิฟต์มาบอกสื่อสารเข้าไปหา Gen Y ว่า เราเข้าใจคุณนะ” คุณนุสราอธิบายถึงการปรับตัวของแบรนด์
คุณนุสรามองว่า ประกันชีวิตเป็นสิ่งจำเป็น แม้หลายคนอาจไม่ได้มองว่าเป็นความจำเป็นอันดับต้น ๆ แต่หากเรามีวินัยในการ “รักตัวเอง” ดูแลสุขภาพกายและใจ ก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เรามีชีวิตที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อที่จะทำอะไรที่เราอยากทำกับคนที่เรารักไปได้นานที่สุด
“เพราะถ้ารักตัวเอง ก็ต้องดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ ต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปนาน ๆ ไทยสมุทรจึงเปลี่ยนพลังความรัก สื่อสารออกไปหา Gen Y ว่าเราเข้าใจพวกเขา คอนเซปต์นี้จึงครอบคลุม Love Your Health, Love Your Wealth และที่สำคัญยังต้อง Love the World ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับมุมมองด้าน ESG ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคุณค่าที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ”
“ในฐานะ Gen Y ถ้าอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องรักตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเอง วางแผนทางการเงินตัวเอง”
การสื่อสารและการดำเนินงานทั้งหมดจึงเชื่อมโยงกัน เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Gen Y ทั้งผู้ขาย วิธีการเข้าถึงลูกค้า สินค้าและการบริการ ต้องโดนใจและตรงกับความต้องการของคนกลุ่มนี้
“ปัจจุบันพนักงานของเราส่วนใหญ่เป็น Gen Y ทำให้มีความเข้าใจในกลุ่มนี้มากขึ้น การสื่อสารต่าง ๆ จึงเหมือนพูดภาษาเดียวกัน ซึ่งในการปรับเปลี่ยนการสื่อสารองค์กรครั้งนี้ส่งผลตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย หลังเปิดตัวแคมเปญใหม่”
เรียนรู้ตลอดเวลา มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
“เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา และเรียนรู้จากทุกคน” คุณนุสราเชื่อว่า การรับฟังความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของพวกเขา เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า นอกเหนือจากการเรียนรู้จากลูกค้าแล้ว คุณนุสรากล่าวว่า เธอยังเปิดกว้างที่จะเรียนรู้จากคู่แข่งเช่นกัน
“ถ้าถามไทยสมุทรเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว กับไทยสมุทรยุคคุณพ่อ คิดว่าสิ่งแวดล้อมต่างกันมาก ข้อแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าสภาพแวดล้อมการแข่งขันแตกต่างกัน ความเข้าใจในสินค้าประกันชีวิตก็แตกต่างกัน คนมีความเข้าใจมากขึ้น แต่การแข่งขันก็รุนแรงมากขึ้นในธุรกิจประกันชีวิต เพราะฉะนั้นลูกค้ามีตัวเลือกเยอะแยะ เราจะทําตัว เหมือนเดิม คือทําตัวแค่เท่าคู่แข่งไม่ได้ เราต้องหาจุดยืนของเราให้ได้ว่าคืออะไร”
จุดยืนของไทยสมุทร คือสามารถเป็นบริษัทขนาดกลางที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ลูกค้าในแต่ละเซ็กเมนต์
“การที่เราไม่ใหญ่เกินไป เราพอที่จะลงไปให้บริการได้เชิงลึกในทุกมิติกับเขา ดิฉันเชื่อว่าลูกค้าเขาก็มีเหตุผลในการเลือก บางคนอาจจะเลือกแบรนด์ แต่มองว่ามันยังมีช่องว่างสําหรับเรา เพราะว่าเราเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ง่าย และลูกค้าก็ได้ Customer Experience ที่ดีจากเรา และดิฉันมักจะถือว่าคู่แข่งเป็นคนเก่ง และเราก็เป็นผู้เรียนรู้จากทุก ๆ คน”
โจทย์ของไทยสมุทรฯ ในปีที่ผ่านมาคือ “เติบโตอย่างยั่งยืน” ซึ่งหมายถึงการเติบโตที่ไม่สร้างปัญหาทางการเงินให้กับบริษัทในอนาคต เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตมีความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงให้ดี เพราะการขายในวันนี้ อาจต้องใช้เวลา 3-5 ปี จึงจะทราบผลกำไรที่แท้จริง ยิ่งในโลก VUCA ที่มีความผันผวนสูง การคาดการณ์ต่าง ๆ ยิ่งมีความไม่แน่นอน
คุณนุสรากล่าวว่า แม้ CEO ทุกคนต้องการการเติบโตของรายได้ แต่ปีที่ผ่านมา ไทยสมุทรฯ เลือกที่จะโฟกัสที่ความมั่นคงทางการเงินระยะยาว โดยไม่รับธุรกิจที่คาดว่าจะขาดทุน และบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ
“หากขึ้นราคาไม่ได้ ก็ต้องผสมผสานธุรกิจที่ทำกำไรได้ดีเข้าไปด้วย ผลประกอบการปีที่ผ่านมาจึงเป็นปีที่ทำกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งแม้การเติบโตจะไม่สูงเท่าอุตสาหกรรมโดยรวม แต่ฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นมาก อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 300 กว่า% เมื่อสิ้นปี มาอยู่ที่ 400 กว่า% ในไตรมาสแรก”
ก้าวใหม่ ไทยสมุทรฯ
สำหรับปีนี้ ไทยสมุทรฯ ตั้งใจที่จะกลับมาเติบโต แต่ยังคงยึดหลักการเติบโตอย่างยั่งยืน
“ต้องสร้างสมดุลเพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์ ผู้ขายมีรายได้ และบริษัทมีกำไร บนความเสี่ยงที่บริหารจัดการได้ในระยะยาว นี่คือการสร้างสมดุลที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า องค์กร รวมถึง Stakeholder อื่น ๆ ”
คุณนุสราเชื่อมั่นว่า นี่คือหนทางที่จะรักษาการเติบโตขององค์กรให้ยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับแผนในการมองไปข้างหน้าถึงปี 2569 สิ่งแรกที่คุณนุสราต้องการเห็น คือการเติบโตที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายนี้ต้องอาศัยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลและ AI ซึ่งกำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
“องค์กรอยู่ไม่ได้ถ้าไม่เติบโต การเติบโตจะช่วยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ ยิ่งทำได้ดี ก็จะนำเสนอสินค้าที่ดีและถูกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้องค์กร ‘ผอม’ และ ‘ฟิต’ มากขึ้น ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลและ AI เข้ามาช่วย”
คุณนุสราเผยว่า ไทยสมุทรฯ นำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานและวิเคราะห์ความเสี่ยง เพื่อลดต้นทุนและบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าที่แข่งขันได้
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์กับผู้คนยังคงสำคัญ คุณนุสรามองว่า เทคโนโลยีจะไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพที่ดีขึ้นได้ หากคนในองค์กรไม่เข้าใจและปรับตัว ซึ่งเธอมองว่า องค์กรในวันนี้ต้องการบุคลากรที่มี “Growth Mindset” หรือ “กรอบความคิดแบบเติบโต” คือผู้ที่เปิดรับการเรียนรู้ สามารถรับผิดชอบงานที่กว้างขึ้น และออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“คนในองค์กรต้องทำงานได้กว้างขึ้น มี Growth Mindset เปิดใจเรียนรู้ เข้าใจงานที่กว้างขึ้น และสามารถออกแบบระบบงานที่ก้าวกระโดดได้ โดยเฉพาะในการบริการผู้บริโภค ซึ่งพฤติกรรมเปลี่ยนตลอดเวลา”
คุณนุสราเน้นย้ำว่า การสร้าง “Growth Mindset” ให้กับบุคลากรในองค์กร คือการเปิดใจเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ท่ามกลางกระแสการปรับตัวขององค์กรน้อยใหญ่ “ไทยสมุทรประกันชีวิต” ในฐานะบริษัทประกันของคนไทย ได้สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการเข้าใจบริบทสังคมไทย วิถีชีวิต และความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงวัยอย่างลึกซึ้ง
ความเข้าใจลึกซึ้งนี้เองที่ทำให้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรฯ สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์เพื่อลูกค้าได้อย่างตรงจุด จริงใจ และตอบโจทย์คนไทยในทุกยุคทุกสมัย
เขียนและเรียบเรียง : ยุพาพร คุณานันท์
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business