บมจ.โรงพยาบาลนครธน (NKT) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เป็นวันแรก แต่ราคาหุ้นกลับดิ่งลงไปมากกว่า 20% จากราคา IPO ที่ 7.80 บาท ลงไปต่ำสุดที่ 5.60 บาท หรือลบไป 28% ทั้งๆ ที่ธุรกิจของบริษัทฯ แห่งนี้ควรจะเป็นธุรกิจที่คนให้ความสนใจกันมาก เพราะธุรกิจทางการแพทย์นั้น มีอำนาจต่อรองกับผู้บริโภคสูง ความสามารถในการทำกำไรสูง และเป็นธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานความจำเป็นของมนุษย์
ดังนั้น ‘Business+’ จะมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยอ้างอิงอัตราส่วนทางการเงินกันว่า ทำไมหุ้นของบริษัทแห่งนี้ถึงถูกเทขายออกมาอย่างหนักในวันแรกที่ทำการเข้าซื้อขาย
1. ราคาแพงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ : โดยราคาหุ้น IPO ที่ 7.80 บาทนั้น มีอัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV) 3.64 เท่า (คำนวณจากมูลค่าตามราคาบัญชี 2.14 บาท) แปลง่ายๆ คือ ราคา IPO สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีถึง 3.64 เมื่อเทียบกับ P/BV ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 3.27 เท่า
2. กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ปรับตัวลดลง : ถึงแม้บริษัทมีรายได้รวมในปี 2567 ที่ 1,521.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่บริษัทฯ กลับมีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารพุ่งสูงขึ้น ทำให้มีกำไรสุทธิลดลงมาที่ 190.83 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 236.03 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่ากำไรสุทธิทั้งปีอาจจะต่ำลง ดังนั้น โอกาสที่กำไรสุทธิต่อหุ้นจะปรับตัวลดลงก็ค่อนข้างสูง ซึ่งกำไรสุทธิที่ลดลงมาผลต่อผลตอบแทนของนักลงทุนทั้งในแง่ของเงินปันผล รวมถึงโอกาสทำกำไรจากการขายหุ้นก็อาจจะต่ำลงไปตาม
3. อัตรากำไรสุทธิต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม : โดย NKT มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.54% แต่อัตรากำไรสุทธิของค่าเฉลี่ยบริษัทในกลุ่มการแพทย์อยู่ที่ 14.7% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรสุทธิยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
4. ภาวะตลาดหุ้นที่อยู่ในช่วงขาลง : หลังจากเจอปัจจัยภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายนอกคือ ความกังวลจากการที่เฟดส่งสัญญานว่าจะลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 2 ครั้งในปี 2568 จากเดิมคาดว่าจะลดลง 3 ครั้ง ขณะที่ปัจจัยภายในคือ มีแรงขายหุ้นในกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง (Big Cap) โดยเฉพาะ CPALL และ CPAXT ที่มีประเด็นลบด้านการลงทุน นั่งจึงทำให้ภาพของการลงทุนซบเซาลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้เมื่อวิเคราะห์จากอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) จะพบว่า ราคา IPO ของ NKT คิดเป็น P/E ที่ 17.72 เท่า (คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.44 บาท) ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงพยาบาลซึ่งอยู่ที่ 23.38 เท่า (P/E กลุ่มการแพทย์เฉลี่ย 25 บริษัท) แสดงให้เห็นว่า หากเราลงทุนซื้อหุ้นบริษัทแห่งนี้จะสามารถใช้ระยะเวลาในการคืนทุนน้อยกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มเกือบ 6 เท่า
แต่ถึงแม้ในปัจจุบัน P/E จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ถูกคำนวณจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอดีต ซึ่งหากนำข้อมูลในอนาคตที่ปิดสิ้นปี 2567 กำไรสุทธิอาจลดลงมา ค่า P/E ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของ 2567 กำไรสุทธิของบริษัทลดลงจากปีก่อนหน้า และหากไตรมาส 4 กำไรสุทธิลดลงอีก ก็จะทำให้ P/E สูงขึ้น (เพราะกำไรสุทธิต่อหุ้น 4 ไตรมาสล่าสุดลดลง)
ที่มา : Setsmart , SEC
เรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
*เนื้อหาทั้งหมดวิเคราะห์จากอัตราส่วนทางการเงินที่อ้างอิงจาก Setsmart ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทันใดๆทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน