NetApp ปลุกพลังแห่งดาต้า เปิดตัวแพลตฟอร์มข้อมูลระดับองค์กรครบวงจรรองรับยุค AI
AFX Systems ระดับ Exabyte ที่มาพร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแยกส่วนและ AI Data Engine ที่พัฒนาจาก NVIDIA สู่การขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้าน AI
NetApp® (NASDAQ: NTAP) ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลอัจฉริยะ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สุดล้ำ ในงาน INSIGHT 2025 เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มข้อมูลระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน AI โดยเฉพาะ ขณะที่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังก้าวจากการทดสอบในระยะเริ่มต้น สู่การใช้งานจริงในระดับภารกิจสำคัญ องค์กรต่าง ๆ จึงต้องอาศัยข้อมูลที่พร้อมสำหรับ AI บนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลยุคใหม่ เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างแท้จริง
หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือ NetApp AFX รุ่นใหม่ที่แยกส่วนประสิทธิภาพการประมวลผล และความจุของข้อมูลออกจากกันด้วยการใช้ระบบ NetApp ONTAP แบบแยกส่วนซึ่งขับเคลื่อนอยู่บนระบบจัดเก็บข้อมูล NetApp AFX 1K รุ่นใหม่ และ NetApp AI Data Engine ซึ่งเป็นส่วนขยายที่ปลอดภัย และเป็นหนึ่งเดียวของ ONTAP ซึ่งผสานรวมเข้ากับการออกแบบอ้างอิงระบบ NVIDIA AI Data Platform ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกระบวนการทำงานด้านข้อมูล AI ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยยิ่งขึ้นตลอดทั้งระบบ อีกทั้งยังควบคุมได้ผ่านระบบควบคุมแบบรวมศูนย์เพียงจุดเดียว การผสานศักยภาพของ NetApp AFX และ AI Data Engine เข้าด้วยกันจะช่วยให้สามารถรวมระบบการจัดเก็บประสิทธิภาพสูงเข้ากับบริการข้อมูลอัจฉริยะไว้ในโซลูชันเดียวที่มีความปลอดภัย ยืดหยุ่น และรองรับการขยายตัวได้ พร้อมช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานของระบบ AI ระดับองค์กรทั้งในส่วน Retrieval Augmented Generation (RAG) และการประมวลผลแบบอนุมานทั้งในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดและมัลติคลาวด์ การผสานรวมระหว่าง NetApp AFX เข้ากับ NetApp AI Data Engine ทำให้แพลตฟอร์มข้อมูลของ NetApp มีความสามารถในการเตรียมความพร้อมของข้อมูลทั้งหมดสำหรับกระบวนการทำงานของ AI ได้อย่างในทันที
Syam Nair ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NetApp กล่าวว่า “ด้วยระบบ NetApp AFX รุ่นใหม่ ลูกค้าจะมีทางเลือกที่เชื่อถือได้และได้รับการพิสูจน์แล้วสำหรับการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรภายในพื้นที่ของตน ซึ่งสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มข้อมูลที่ครบวงจร พร้อมช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม AI ได้อย่างรวดเร็ว” อีกทั้งยังกล่าวเสริมอีกว่า “NetApp AI Data Engine ช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงระบบข้อมูลทั้งหมดขององค์กรได้อย่างราบรื่นทั้งในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดและมัลติคลาวด์ เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียว และเมื่อเป็นดังนั้นแล้ว องค์กรก็จะสามารถเร่งความเร็วของกระบวนการทำงานด้านข้อมูล AI ได้อย่างมหาศาล โดยการรวมขั้นตอนการเตรียมและจัดการข้อมูลหลายขั้นตอนเข้าไว้ใน NetApp AI Data Engine ที่เป็นหนึ่งเดียวซึ่งสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการประมวลผลความเร็วสูงของ NVIDIA และซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise ที่มาพร้อมกับความสามารถในการค้นหาเชิงความหมาย การทำเวกเตอร์ข้อมูล และระบบควบคุมข้อมูล ซึ่งการผสานกันระหว่าง NetApp AFX และ AI Data Engine นี้ จะก่อให้เกิดความเสถียรและประสิทธิภาพที่องค์กรสามารถมั่นใจได้และได้รับการพิสูจน์มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษโดย NetApp ONTAP ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถาปัตยกรรมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบแยกส่วน และยังคงอยู่บนระบบจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยที่สุดในโลก”
Andrew Sotiropoulos รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ของ NetApp Asia Pacific กล่าวว่า “ลูกค้าของเรากำลังทดสอบและนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยหนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือการเปลี่ยนจากการจัดเก็บข้อมูลแบบนิ่งไปสู่การจัดการข้อมูลเชิงรุก ซึ่งก็คือการดึงข้อมูล ประมวลผล และคัดสรรข้อมูลเพื่อเปิดเผยข้อมูลเชิงลึก การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องใช้ข้อมูลและสถาปัตยกรรมที่จะช่วยทำลายข้อจำกัดแบบเดิมๆ พร้อมผสานความปลอดภัยของข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานเข้ากับแนวทางการกู้คืนข้อมูลอย่างรวดเร็ว และด้วยนวัตกรรมล่าสุดของเรา NetApp จึงสามารถมอบสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย รวมศูนย์ และพร้อมสำหรับอนาคต ให้กับข้อมูลของคุณในไฮบริดคลาวด์ พร้อมรองรับองค์กรที่นำ AI ไปใช้งานจริงในระดับขนาดใหญ่เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้”
อรรณพ วาดิถี ผู้จัดการเน็ตแอพ ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ความต้องการในการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทยภายใต้กรอบแนวคิด Thailand 4.0 ทำให้ AI กลายเป็นวาระแห่งชาติ และเมื่อองค์กรต่าง ๆ มุ่งขยายการใช้งาน AI ครอบคลุมทุกภาคส่วน ความสำเร็จก็จะขึ้นอยู่กับการมีข้อมูลที่ปลอดภัยและรวมศูนย์ ซึ่งรองรับการนำ AI ไปใช้อย่างรวดเร็วและการกำกับดูแลข้อมูล และด้วยนวัตกรรมล่าสุดของ NetApp อย่างระบบ NetApp AFX และ NetApp AI Data Engine องค์กรไทยจึงสามารถนำ AI ไปใช้งานได้อย่างมั่นใจ และสร้างผลลัพธ์ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเร่งการสร้างนวัตกรรมได้อย่างแน่นอน”
เพื่อเร่งความรวดเร็วในการทำงานของ AI ยุคใหม่ ทาง NetApp ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ ๆ ของระบบ ซึ่งรวมถึง:
- NetApp AFX: NetApp AFX คือระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออลแฟลชระดับองค์กรแบบแยกส่วนที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดย NetApp AFX ถือเป็นรากฐานข้อมูลที่ทรงพลังสำหรับ AI Factories โดยได้รับการรับรองให้เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ NVIDIA DGX SuperPOD และขับเคลื่อนด้วย NetApp ONTAP ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการจัดเก็บข้อมูลชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรหลายหมื่นรายในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลระดับ Exabyte โดย NetApp AFX สามารถมอบประสบการณ์การบริหารจัดการข้อมูลที่มั่นคง และมีความสามารถในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ NetApp ได้รับความไว้วางใจการผสมผสานที่ราบรื่นทั้งในสภาพแวดล้อมภายในองค์กรและคลาวด์ นอกจากนี้ NetApp AFX ยังถูกออกแบบมาให้รองรับการขยายประสิทธิภาพได้ถึง 128 โหนด พร้อมการส่งผ่านข้อมูลระดับเทราไบต์ต่อวินาที การรองรับความจุข้อมูลระดับ Exabyte และความยืดหยุ่นในการขยายประสิทธิภาพและความจุได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโหนดควบคุมข้อมูล DX50 เพิ่มเติมเพื่อเสริมพลังด้วยกลไกเมทาดาตาระดับโลกสำหรับแคตตาล็อกข้อมูลขององค์กรแบบเรียลไทม์และใช้ประโยชน์จากศักยภาพการประมวลผลความเร็วสูง NVIDIA
- NetApp AI Data Engie (AIDE): NetApp AIDE คือบริการจัดการข้อมูล AI แบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรสามารถใช้งาน AI ได้อย่างง่ายดาย เข้าถึงได้ในต้นทุนที่คุ้มค่า และมีความมั่นคงปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการนำเข้าและเตรียมข้อมูล ไปจนถึงการให้บริการแอปพลิเคชัน Gen AI โดย NetApp AIDE นำเสนอภาพรวมข้อมูล NetApp ทั้งหมดของลูกค้าจากทั้งทั่วโลกได้แบบเรียลไทม์เพื่อให้สามารถค้นหา และจัดระเบียบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเชื่อมต่อข้อมูลเหล่านั้นเข้ากับโมเดลหรือเครื่องมือใด ๆ ได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะอยู่บนระบบภายในของตนเอง หรือบนคลาวด์สาธารณะ นอกจากนี้ AIDE ยังมีระบบอัตโนมัติในการตรวจจับและซิงโครไนซ์การเปลี่ยนแปลงของข้อมูล ซึ่งช่วยขจัดการทำซ้ำของข้อมูลที่ไม่จำเป็น และมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ใช้งานอยู่จะเป็นข้อมูลที่ล่าสุดอยู่เสมอ พร้อมกันนี้ ยังมีระบบควบคุมข้อมูลที่ติดตามและคุ้มครองข้อมูลตลอดการใช้งาน AI เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลจะได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดย AIDE ผสานการทำงานเข้ากับงานออกแบบอ้างอิงระบบของ NVIDIA AI Data Platform ที่มาพร้อมเทคโนโลยีประมวลผลเร่งความเร็ว NVIDIA และซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise รวมถึงไมโครเซอร์วิส NVIDIA NIM เพื่อช่วยในการทำเวกเตอร์ข้อมูลและการสืบค้นข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับฟังก์ชันการบีบอัดข้อมูลขั้นสูง การค้นหาเชิงความหมายที่รวดเร็ว และเวิร์กโฟลว์ที่ปลอดภัยและควบคุมได้ด้วยนโยบายองค์กร AIDE นำพลังของ AI เข้ามาใกล้ข้อมูลมากขึ้นผ่านระบบแบบบูรณาการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความชัดเจนของข้อมูล และการกำกับดูแลที่องค์กรต้องการเพื่อให้สามารถนำ AI มาใช้งานได้อย่างมั่นใจ ระบบ NetApp AIDE ทำงานโดยตรงภายในคลัสเตอร์ AFX และรองรับการติดตั้งบนโหนดควบคุมข้อมูล DX50 พร้อมแผนรองรับเพิ่มเติมในอนาคตสำหรับการผสานกับ NVIDIA RTX PRO Servers ที่ใช้ RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition GPUs ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ NetApp AIDE จึงสามารถช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI ขององค์กรให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น
- Object API ช่วยให้เข้าถึงบริการ Azure Data & AI ได้อย่างง่ายดายและต่อเนื่อง: ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลใน Azure NetApp Files ของตนผ่าน Object REST API ซึ่งขณะนี้เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันทดลองที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานไฟล์ข้อมูลกับบริการของ Azure ได้โดยตรง โดยไม่ต้องย้ายหรือคัดลอกไปยัง Object Store แยกต่างหาก และชุดข้อมูล NFS และ SMB ยังสามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับ Microsoft Fabric, Azure OpenAI, Azure Databricks, Azure Synapse, Azure AI Search, Azure Machine Learning และบริการอื่น ๆ ของ Azure ซึ่งลูกค้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูล ฝึกโมเดล AI เปิดใช้งานการค้นหาข้อมูลอัจฉริยะ และสร้างแอปพลิเคชันบนชุดข้อมูล ANF ที่มีอยู่แล้วโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือระดับองค์กรของ Azure NetApp Files
- Unified Global Namespace บน Microsoft Azure ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือระดับยิ่งขึ้น: ปัจจุบัน องค์กรสามารถรวมข้อมูลจากทุกแหล่งทั่วโลก ทั้งข้อมูลบนคลาวด์และในองค์กรของตนเองเข้ากับ Microsoft Azure ได้อย่างราบรื่น เนื่องด้วยฟีเจอร์ใหม่ของ FlexCache ที่อยู่ใน Azure NetApp Files นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถขยายการรองรับเวิร์กโหลดภายในองค์กร เช่น Electronic Design Automation (EDA) ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในระบบ ONTAP อื่นๆ ทั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าหรือบนคลาวด์หลายแห่งสามารถแสดงผลและเขียนข้อมูลได้ทันทีภายในสภาพแวดล้อม ANF โดยข้อมูลจะถูกถ่ายโอนอย่างละเอียดเฉพาะเมื่อมีการเรียกใช้เท่านั้น ทำให้การเข้าถึงระบบข้อมูลแบบไฮบริดคลาวด์ผ่าน Microsoft Azure เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ อีกทั้งยังสามารถย้ายข้อมูลและสแน็ปช็อตระหว่างระบบได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ SnapMirror ซึ่งช่วยสนับสนุนการใช้งานแบบไฮบริด ไม่ว่าจะเป็นการสำรองข้อมูลอย่างต่อเนื่อง การกู้คืนระบบจากภัยพิบัติอัตโนมัติ หรือการกระจายภาระงานข้ามสภาพแวดล้อมต่างๆ
Justin Boitano รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ Enterprise AI ของ NVIDIA กล่าวว่า “องค์กรกำลังมองหาฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมหาศาลให้กลายเป็นความรู้ที่สามารถนำไปใช้กับ AI ได้” และยังกล่าวเสริมอีกว่า “NetApp ได้พัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลของตนให้กลายเป็น AI-native storage platform ด้วยการรวมเทคโนโลยีการประมวลผลความเร็วสูงและซอฟต์แวร์ของ NVIDIA รวมถึงโมเดล AI ชั้นนำต่าง ๆ ทำให้องค์กรสามารถจัดทำดัชนีและค้นหาข้อมูลไม่มีโครงสร้างจำนวนมากทั่วทั้งองค์กร เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลลัพธ์เชิงธุรกิจอย่างแท้จริง”
Michael Leone, Practice Director และ Principal Analyst ของ Omdia กล่าวเสริมว่า “โซลูชันใหม่จาก NetApp แสดงให้เห็นว่าการทำให้วิสัยทัศน์ในการจัดการข้อมูลสำหรับ AI เป็นจริง สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยแนวทางของ NetApp ในการนำความอัจฉริยะสู่ข้อมูลองค์กรแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความท้าทายของลูกค้าและวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม การเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดสมรรถนะและการจัดการความจุอย่างอิสระ ร่วมกับความแข็งแกร่งของ ONTAP ทำให้องค์กรสามารถลงทุนในโครงการ AI ได้อย่างมั่นใจ และสร้างคุณค่าเชิงธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว”
หากต้องการทราบข้อมูลการอัปเดตเหล่านี้และข้อมูลอื่น ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ NetApp สามารถเข้าชมได้ที่: https://www.netapp.com/product-updates
ในงาน NetApp INSIGHT 2025 ณ ลาสเวกัส ระหว่างวันที่ 14–16 ตุลาคม ที่ผ่านมา เน็ตแอพได้จัดเซสชันและจัดแสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายอุตสาหกรรม สามารถติดตาม Keynote Session ได้ที่: https://www.netapp.com/insight/