มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมกับ เมืองไทยประกันชีวิต ส่งมอบบ้านพักเพื่อนักเรียนบ้านไกล แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 2 จังหวัดเชียงใหม่

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม เชิญชวนสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ร่วมแบ่งปันความสุขและสร้างรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับสังคม ผ่านกิจกรรม “เมืองไทย Smile Society 2024 : สร้างบ้านพักเพื่อนักเรียนบ้านไกล” โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกได้บริจาคคะแนนสะสม Smile Point ทุก 1 คะแนน มีมูลค่าเท่ากับ 5 บาท เพื่อนำไปสมทบจัดสร้างอาคารบ้านพักนักเรียนให้แก่น้องๆ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 2 อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ กิจกรรมการบริจาคคะแนนจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมบริจาคเป็นจำนวน 82,313 คะแนน คิดเป็นมูลค่า 411,565 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้สมทบร่วมเพิ่มเติมรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารที่พักนักเรียนดังกล่าว

ในโอกาสนี้ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้นางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมคณะผู้บริหาร ฝ่ายขาย และจิตอาสาเมืองไทยประกันชีวิต ลงพื้นที่ส่งมอบ อาคารบ้านพักนักเรียนบ้านไกลพร้อมเครื่องนอนครบชุด เพื่อให้นักเรียนที่ต้องเดินทางไกลมาเรียนมีที่พักที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย ลดอุปสรรคในการเข้าถึงการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้มอบเครื่องบริโภคเพื่อสนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลด้านโภชนาการ พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาวและขนมให้แก่นักเรียนทั้งโรงเรียน และเวชภัณฑ์ให้แก่ห้องพยาบาล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาเบื้องต้น ลดความเสี่ยงจากโรคภัย และสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพ  และร่วมเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นักเรียน เพื่อเสริมสร้างทั้งโภชนาการ สุขภาพ และรอยยิ้มแห่งความสุขแก่น้อง ๆ

การจัดกิจกรรมดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมูลนิธิเมืองไทยยิ้มและเมืองไทยประกันชีวิตในการตอบสนองต่อแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) โดยเฉพาะในมิติ Social (สังคม) ที่เน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้กับเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ผ่านการจัดหาที่พักอาศัยที่เหมาะสม การสนับสนุนด้านโภชนาการและสุขภาพ ตลอดจนการสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพ

การดำเนินงานครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ โดยการส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลได้รับโอกาสพื้นฐานไม่ต่างจากเยาวชนในเมืองใหญ่ และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็นต่ออนาคต อันจะนำไปสู่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับสังคมไทยในระยะยาว