ถอดรหัสความสำเร็จ MGC-ASIA บนเส้นทาง Lifestyle Mobility

“MGC-ASIA หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

 

หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจร บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง (MGC-ASIA Ecosystem) มุ่งตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทางของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์การเดินทางทุกรูปแบบทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา MGC-ASIA เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สร้างการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน

 

MGC-ASIA Lifestyle Mobility Ecosystem

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) บอกกับเราในงานประกาศรางวัล Thailand Top CEO 2023 ที่เพิ่งจบไปหมาด ๆ ว่า “MGC-ASIA คือ หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ” นั่นเพราะว่า เราสั่งสมความเชี่ยวชาญทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และขยายธุรกิจเชื่อมโยงตอบสนองไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทางอย่างครบวงจร (Lifestyle Mobility) ซึ่งปัจจุบัน MGC-ASIA มีผลิตภัณฑ์และบริการอย่างครอบคลุมในหลายมิติ ทั้งการจำหน่ายรถยนต์ บิ๊กไบค์ เรือยอช์ต เรือสันทนาการ และรถยนต์มือสอง พร้อมการรับประกัน บริการจัดหาลูกค้าสำหรับธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ บริการหลังการขายและซ่อมบำรุง บริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ รวมถึงมีธุรกิจเสริมสร้างรายได้ระยะยาวและบริการอื่น ๆ ได้แก่ บริการทางการเงินสำหรับยานยนต์และมารีน นายหน้าประกันภัย และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล เป็นต้น

 

นอกจากนี้ การร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้ผลิตและให้บริการด้านยานยนต์ระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมสร้างให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและครบวงจรแก่ลูกค้า รวมถึงสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น โดยไฮไลต์สำคัญในปีที่ผ่านมา เรามีผลประกอบการที่ดีเยี่ยม บริษัทฯ มีรายได้รวม 23,076.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 595.6 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปีนี้ เรามีรายได้รวม 5,379.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% และมีกำไรสุทธิทำได้ 81.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราพยายามมุ่งขยายธุรกิจไปข้างหน้า คือ การเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายและบริการหลังการขายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการพัฒนาบุคลากรและมาตรฐานการให้บริการ ยกระดับการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ (Digitalization) เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่ Digi-Tech Lifestyle Mobility บนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์

 

ท่านวางข้อคิดประจำตัวในการบริหารองค์กรอย่างไร เพื่อให้องค์กรท่านพร้อมด้วยความเป็นเลิศในมิติต่าง ๆ เราวางแผนการดำเนินงานของการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ภายใต้แนวคิด ‘Customer Centric’ หรือการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในแบบเฉพาะตัว ผสานการขยายฐานสินค้าและบริการให้หลากหลาย ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ พร้อมชูจุดเด่นและสร้างความแตกต่างด้วยโมเดลธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem ที่จะสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกมิติ รวมทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถสร้างผลกำไรให้กลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว

 

แนวทางการให้ความสำคัญกับลูกค้าและผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทฯ ได้รับใบประกาศรับรองการประเมิน และจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร สำหรับปี พ.ศ. 2565 ตามมาตรฐาน ISO14064-1 2018 เป็นปีที่สองติดต่อกัน แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานขององค์กร รวมทั้งตระหนักในความสำคัญของการบริหารจัดการ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ดำเนินการจัดประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization : CFO) เพื่อรับทราบข้อมูลการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น จากกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ และเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ

 

กลยุทธ์ต่อไปที่จะทำให้องค์กรสู่ความยั่งยืน จนนำไปสู่ความเป็นเลิศครบทุกมิติช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ องค์กรของเราได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อยอดการพัฒนาธุรกิจในเครือ พร้อมความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพในการให้บริการด้าน Lifestyle Mobility แบบครบวงจร รวมถึงขยายธุรกิจมารีน ผ่านแบรนด์ Azimut Yachts และ Chris-Craft ที่เราได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน ท้ายนี้ ผมอยากจะย้ำว่า MGC-ASIA เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมความมุ่งมั่นในการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ความเป็นเลิศผ่าน 3 ปัจจัย คือ บุคลากรและคู่ค้า กระบวนการทำงาน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์และบริการ สร้างความได้เปรียบผ่านระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์หรือเรียกว่า ‘MGC-ASIA Ecosystem’ และการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ยุทธศาสตร์

 

เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS