“เราดูแลน้องในทีมให้เหมือนลูกค้า และปฏิบัติกับลูกค้าให้เหมือน Business Partner”
ตลาดนวัตกรรมเสริมความงามในปัจจุบันมีจำนวนผู้เล่นแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ซึ่ง ‘เมิร์ซ เอสเธติกส์’ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่ได้นำนวัตกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมความงาม ซึ่งนับเป็นการผสมผสานที่ลงตัว นำมาสู่ความสำเร็จ การันตีได้จากยอดขายกว่าหนึ่งพันล้านบาท
เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จของ เมิร์ซ เอสเธติกส์ มาจากการที่เราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้เท่าทันตลาด และมากกว่าตลาด ซึ่งในอดีตเราใช้แผนการทำธุรกิจผ่านผู้แทนจำหน่าย ต่อมาในปี 2015 ก็ได้เข้าบุกตลาดนวัตกรรมเสริมความงามในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยในปีแรกที่เข้ามาทำธุรกิจสามารถทำยอดขายได้ 80 ล้านบาท และมาจนถึงวันนี้ในปี 2022 ยอดขายได้เติบโตขึ้นมาจนถึงระดับที่มากกว่า 1 พันล้านบาท นับเป็นการเติบโตกว่า 10 เท่าตัวจากในอดีตที่ผ่านมา ขณะที่ยังมีการตั้งเป้าหมายว่ายอดขายจะพุ่งสู่ระดับ 2,000 ล้านบาทภายในปีนี้
โดยปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้เกิดจากการใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง ซึ่งเราทำธุรกิจความงามในรูปแบบ B2B2C (Business to Business to Customer) คือ การที่รวมเอาธุรกิจแบบ B2B และ B2C เข้าด้วยกัน เพื่อดำเนินการทำธุรกิจให้สมบูรณ์ครบถ้วน และช่วยเพิ่มความสามารถในการขายสินค้าและบริการของพาร์ตเนอร์คลินิกให้มากยิ่งขึ้น โดย ณ วันนั้น หลายบริษัทต่างมุ่งเน้นไปทำการตลาดกับแพทย์ หรือคลินิกความงามเป็นหลัก แต่เมิร์ซ เอสเธติกส์ ทำการตลาดกับแพทย์ คลินิกความงาม และผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมเสริมความงาม
“เราต้องให้ความสำคัญกับ Stakeholders ทั้งหมด เพราะสำหรับคลินิกคู่ค้าแล้ว ไม่ใช่แค่แพทย์เท่านั้นที่มีความสำคัญ แต่ยังมีทั้งพนักงานหน้าร้าน นักการตลาด ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนธุรกิจคลินิกความงามให้สำเร็จ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการคิดกลยุทธ์ต่าง ๆ” เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ กล่าว
สิ่งที่เป็น Core Value สำคัญของ เมิร์ซ เอสเธติกส์ คือ นวัตกรรม แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ : การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่างอยู่เสมอ ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความแข็งแรงให้กับธุรกิจของเราในประเทศไทย
พัฒนาผลิตภัณฑ์เดิม : การไม่หยุดนิ่ง โดยมีการคิดค้นเทคนิควิธีใหม่ ๆ ประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน เช่น การคิดค้นโปรแกรมดูแลผิวจากผลิตภัณฑ์เดิมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การสื่อสารข้อมูลล่าสุดในเรื่องนวัตกรรมความงามเพื่อครอบคลุมผู้บริโภคกลุ่มใหม่ หรือเจนใหม่ มากขึ้น เหล่านี้ที่ยิ่งส่งเสริมให้เมิร์ซ เอสเธติกส์ เป็นองค์กรที่มีความก้าวหน้าในเรื่องนวัตกรรมอยู่เสมอ
นอกจากนี้เมิร์ซ เอสเธติกส์ ยังดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้กลยุทธ์ ที่เรียกว่า ‘3 ส.’ ที่นำพาไปสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ เป็นที่รู้จักและได้รับการตอบรับที่ดีในวงการนวัตกรรมเสริมความงามทุกวันนี้
‘3 ส.’ สู่การเติบโต
สร้างสรรค์ นั่นคือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ
ส่งเสริม นั่นคือ การส่งเสริมความแข็งแกร่งกับคลินิกคู่ค้าเพื่อให้มีการเติบโตไปด้วยกัน
สื่อสาร นั่นคือ การดำเนินธุรกิจและสื่อสารปณิธานองค์กรบริษัทในทุก ๆ แคมเปญ หรือ กิจกรรม ได้แก่ ‘CONFIDENCE TO BE’ อยู่คู่ทุกความมั่นใจของคนไทยทุกคน
ขณะที่แนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG ทางเมิร์ซ เอสเธติกส์ ได้มีการรณรงค์ขับเคลื่อนมาอย่างยาวนาน เริ่มจากในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยภายในองค์กรได้มีการแบ่งแยกขยะอย่างชัดเจน ลดการใช้กระดาษ สลับมาทำงานในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น สำหรับในมุมความยั่งยืนของคลินิกคู่ค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วหมดไป ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนสารเคมี ทางบริษัทจะดำเนินการขอรับสินค้าที่มีการใช้หมดแล้วเพื่อนำไปทำลาย โดยโครงการนี้มีชื่อว่า ‘WEEE Program’ ซึ่งเรามีการดำเนินการมาอย่างสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่า 5 ปี
ส่วนกิจกรรมเพื่อสังคม หรือที่เรียกกันว่า CSR ทุก ๆ ครั้งที่มีกิจกรรมกับพนักงานนอกสถานที่ ก็จะมีการสำรวจโรงเรียน หรือ สถานที่ใกล้เคียง โดยพนักงานจะเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งแรงกาย และ จัดหาปัจจัย ตามที่แหล่งนั้น ๆ มีความต้องการหรือขาดแคลน อย่างเช่น การบริจาคสิ่งของ หรือช่วยในเรื่องต่าง ๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคม เป็นต้น
สำหรับธรรมาภิบาล หรือ Good Governance นั้น ทางเมิร์ซ เอสเธติกส์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นบริษัทระดับนานาชาติ ที่มีผู้ตรวจสอบเข้มแข็ง อีกทั้งเราได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เป็นเครื่องยืนยัน โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 3 ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาล และยังคงยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่โปรงใสเช่นนี้ต่อไป เพื่อเป็นการคงมาตรฐานขององค์กรไว้
ด้านมุมมองของการบริหารองค์กรนั้น เภสัชกรหญิงกิตติวรรณ กล่าวว่า การทำงานเกือบทุกครั้งมักจะมีอุปสรรค แต่ให้มองปัญหาคือการเรียนรู้ ปัญหาคือการเติบโต ซึ่งเราก็ได้มีการปลูกฝังกรอบความคิด (Mindset) แบบนี้ให้กับบุคลากรในองค์กรมาตลอด เพื่อให้ทุกคนไม่มองปัญหาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพของตนเองและธุรกิจ ทั้งนี้ในมุมมองของ ‘Business+’ ถึงการเติบโตของเมิร์ซ เอสเธติกส์ จะเห็นว่า แม้ตลาดนวัตกรรมเสริมความงามในปัจจุบันจะมีผู้เล่นมากมาย แต่หากมีการนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นส่วนเสริม หรือนำเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาเป็นส่วนช่วย ก็จะทำให้ธุรกิจมีความโดดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น