โบรกฯส่องเป้า KJL ที่ 9.90 บาท อัพไซด์กว้าง 57%
แนวโน้มกำไร Q2/68 โตต่อเนื่อง ราคาเหล็กลง หนุนมาร์จิ้น
“หยวนต้า” ส่องราคาเป้าหมาย “กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค” 9.90 บาท อัพไซด์เปิดกว้าง 57%แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปี 68 โตต่อเนื่องทั้ง QOQ และ YOY คาดรายได้โตสวนทางเศรษฐกิจ ราคาเหล็กลดลงหนุนมาร์จิ้นเพิ่ม
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำรายงานบทวิเคราะห์บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL โดยระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 คาดเบื้องต้นที่ 50 – 55 ลบ. เติบโตสูง QoQ และเติบโตเล็กน้อย YoY เนื่องจากลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อไปในช่วงโปรโมชั่นใน Q4/24 เริ่มมีสต๊อกลดลง จึงกลับมาซื้อสินค้าซ้ำประกอบกับมีการออกสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเน้นสินค้าที่ยังใช้งานได้ในคุณภาพใกล้เคียงเดิม แต่มีราคาที่ประหยัดลง เช่น พูลบ็อกซ์เหล็กหนา 1.6 mm ชุปกัลวาไนซ์ รวมถึงการจัดงานสัมนารวมพลคนไฟฟ้าต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้ได้ฐานช่างไฟ และร้านค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการระบุยี่ห้อ KJL เมื่อสั่งซื้อตู้ไฟ และอุปกรณ์
ขณะที่สินค้ากลุ่ม Solar ยังเติบโตดี จากการติดตั้ง Solar roof ทั้งภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ และกำลังอยู่ในช่วงทำการตลาดลูกค้ากลุ่ม Data center ซึ่งทยอยมีรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ใน Q2/25 ออกสินค้าใหม่เป็นกลุ่ม Stainless series แพงกว่าตู้เหล็ก 5 – 6 เท่า แต่มีความต้องการสำหรับอุตสากรรมเฉพาะทางที่ต้องการความแข็งแรงพิเศษ เช่น อุตสากรรมเคมี สถานที่ริมทะเล อุตสำหกรรมอาหารที่ต้องการ Food grade เป็นต้น ช่วยเพิ่มทั้งรายได้ และ GPM
KJL มีจุดแข็งคือมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับ แบรนด์เป็นที่รู้จักมายาวนาน มีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท การขนส่งรวดเร็ว มีสมาชิกช่างไฟจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง และสร้าง Awareness ให้ระบุชื่อ KJL เมื่อสั่งตู้ไฟและอุปกรณ์ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี KJL ยังสามารถปรับตัวด้วยการออกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ความต้องการได้รวดเร็ว และสั่งซื้อได้แม้ต้องการเพียงชิ้นเดียว ขณะที่คู่แข่งอ่อนแอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งด้านคุณภาพสินค้า และบริการรวมถึงฐานะทางการเงิน ทำให้แม้ว่าภาพรวมการบริโภคอาจลดลง แต่ KJL ยังสามารถเติบโตได้จากการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของเจ้าอื่น คาดรายได้ปี 2025 ของ KJL เติบโต 12.4% YoY เป็น 1,353 ลบ. และ 17% YoY เป็น 1,584 ลบ. ในปี 2026 เนื่องจากจะมีการขยายกำลังการผลิตอีก 7 ล้านชิ้น หรือ 21% เป็น 40 ล้านชิ้นใน Q4/25 นอกจากนี้มีการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมการขยายกำลังการผลิต และคลังสินค้าในเฟสถัดไป สะท้อนมุมมองผู้บริหารต่อแนวโน้มของธุรกิจว่ายังเติบโตไปในทิศทางที่ดี สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ
นับตั้งแต่การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯเมื่อ 2 เม.ย.ส่งผลให้ราคาเหล็กทุกประเภทลดลงในช่วงเกือบ 2 เดือนนี้ราว 5 – 13% โดยเหล็กรีดเย็นลดลงราว 9% เหล็กรีดร้อนลดลงราว 12 – 13% ช่วยให้ KJL สามารถจัดโปรโมชั่นได้มากขึ้นโดย GPM ยังสูงกว่า 30% ได้ ขณะที่สินค้าพรีเมี่ยมเดิมก็ยังสามารถขายได้ในอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น คาดกำไรปี 2025 ที่ 190 ลบ. (+5.0% YoY) ในปี 2026 คำดที่ 232 ลบ.(+22.0% YoY) โดยประมาณการกำ ไรปี 2025 อยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายของบริษัทที่ 190 – 210 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ต่ำมากโดยมี PER2025 ต่ำเพียง 7.7 เท่าให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปี 8% (จ่ายทุกครึ่งปี) มองเป็นโอกาส ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 12 เดือนที่ 9.90 บาท
***************************
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus