‘ดำรงชัย วิภาวัฒนกุล’ วาง 2 ยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจ ผลักดัน ‘เคซีจี คอร์ปอเรชั่น’ สู่การเติบโตอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน

การขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว การดำเนินธุรกิจโดยยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์และวิสัยทัศน์ควบคู่ไปกับการรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำยิ่งยากมากขึ้นไปอีกขั้น แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานบนเส้นทางธุรกิจของครอบครัว ทำให้แม่ทัพคนใหม่อย่าง ‘คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล’ ได้วางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการนำพาธุรกิจไปสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ “Transition Towards Sustainable Growth”

นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ ‘คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล’ ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งถือเป็นการเข้ารับตำแหน่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเหมาะสม เพราะไม่เพียงแค่การเป็นทายาทผู้ก้าวขึ้นมาสานต่อธุรกิจครอบครัวเท่านั้น แต่จากการทำงานให้กับ KCG มาอย่างยาวนานถึง 33 ปี ที่ทำให้กลายเป็นผู้บริหารที่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์การทำงานโดยตรง และการค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาบริหารองค์กรโดยไต่ระดับจากการดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการในปี 2563 ต่อด้วยตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโสในปี 2564-2566 ด้วยความเชี่ยวชาญด้านกลุ่มธุรกิจ B2B (กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ) ที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสายงาน Dairy Products ซึ่งเป็นสายงานหลักที่สร้างรายได้ให้กับ KCG อีกทั้ง ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่จะสามารถพัฒนาและแสวงหาโอกาสใหม่ให้กับ KCG ได้อย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพคนใหม่ในครั้งนี้เต็มไปด้วยความพร้อม

ยุทธ์ศาตร์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืน

แม้ว่าการพิสูจน์ตัวเองจากประสบการณ์การทำงานอันยาวนานกว่า 30 ปี จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในฐานะบุคลากรคนสำคัญขององค์กรแล้ว การวางยุทธ์ศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีแบบแผนก็นับเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมในการตั้งรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี โดย ‘คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล’ ได้เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาธุรกิจใน 2 มิติ ไว้ดังนี้

1. ยุทธศาสตร์ด้านวัฒนธรรมองค์กร (Cultural Strategy) โดยยึดหลัก “Heart-driven – Expertise – Agile – Responsible – Teamwork” ด้วยความเชื่อมั่นว่าพนักงานเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะร่วมขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุสู่เป้าหมายสูงสุด

2. ยุทธศาตร์ทางธุรกิจ (Business Strategy) เพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างอาณาจักรอาหารตะวันตก เนยและชีส ให้เติบโตมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้การขับเคลื่อน 7 แกนหลัก ได้แก่

1) มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจ (Growth) โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ( Customer Centric) ผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโอกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่ม ตลอดจนสร้างการเติบโตผ่านโมเดลการร่วมทุน ควบรวมหรือซื้อกิจการ ( Merger & Acquisition: M&A) และการร่วมทุน ( Joint Venture: JV)

2) การพัฒนาบุคลากร (People) ภายใต้แนวคิด “Digital Transformation Mindset” เพื่อสร้างพลังแห่งการทำงานให้กับพนักงานอย่างไร้ขีดจำกัด โดยยกระดับทักษะที่มีให้ดียิ่งขึ้นและเสริมสร้างทักษะใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน รวมถึงเฟ้นหาบุคลากรคนรุ่นใหม่เพื่อร่วมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

3) การขับเคลื่ององค์กรด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี (Innovation Data & Tech) โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างแม่นยำ ถูกต้อง ตลอดจนพิจารณาการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร (Food Tech) ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่

4) การขยายตลาดส่งออก (Export) โดยขยายกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโต และขยายขอบเขตสู่ตลาดใหม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย จากปัจจุบันที่มีการส่งออกไปแล้ว 15 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น

5) ยกระดับศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าที่ทันสมัยและครบวงจร (Supply Chain & Inventory) ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

6) ยกระดับการผลิตโดยใช้ระบบอัตโนมัติ (Production& Automation) โดยมุ่งขยายพอร์ตโฟลิโอกลุ่มผลิตภัณฑ์เนยและชีส ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยนำกระบวนการผลิตระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น

7) การส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Sustainable Development) โดยมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมภายใต้กรอบ ESG อาทิ ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2567 ลงอย่างน้อย 20% จากปี 2566, การใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านการติดตั้ง Solar Rooftop, การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recycle), การดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างบริเวณโรงงาน ตลอดจนดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน

ด้วยยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญนี้จะช่วยให้ ‘คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล’ ในฐานะแม่ทัพคนใหม่ สามารถสานต่อความสำเร็จก้าวต่อไปให้กับ ‘เคซีจี คอร์ปอเรชั่น’ ในการ “สร้างองค์กรสู่การเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และพร้อมสู่อนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลง” ได้ดังที่ตั้งใจ