‘karun’ ชาไทยพรีเมียม 100 ล้าน ทำยังไงให้คนยอมจ่าย แก้วละเป็นร้อย!

“ชาไทย” เป็นเครื่องดื่มที่หาได้ง่ายมาก ๆ ในเมืองไทย เพราะมีขายตั้งแต่ในร้านขายน้ำดื่มแบบรถเข็นข้างทางไปจนถึงร้านคาเฟ่นั่งชิล แต่ถ้าถามว่าร้านไหนที่มีชาไทยเป็นสินค้าหลัก ถ้าให้นึกเร็ว ๆ ก็คือ ชาตรามือ ซึ่งเล่นอยู่ในตลาด Mass แต่นอกจากนั้น เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงแบรนด์ชาไทยอื่น ๆ ไม่ออก โดยเฉพาะในตลาด Premium เพราะส่วนใหญ่ร้านคาเฟ่จะเน้นขายกาแฟ ส่วนเครื่องดื่มชาอื่น ๆ รวมถึงชาไทย จะเป็นสินค้ารอง ทำให้ลูกค้าที่เป็นคอชาไทยจริง ๆ น่าจะหาร้านที่ใช้วัตถุดิบพรีเมียมหรือเมนูชาไทยแปลกใหม่ได้ยาก

นี่คือช่องว่างที่ร้าน “karun” หรือร้านการัน สามารถเข้าไปเติมเต็มได้ โดยร้านก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดยคุณรัส ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ ที่มีจุดเด่นคือการยกระดับชาไทยให้เป็นชาไทยระดับพรีเมียมราคาแก้วละเป็นร้อยที่มีการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีและมีรสชาติเฉพาะตัว

สำหรับสูตรชาไทยของร้านการันนั้นคุณแม่ของคุณรัสเป็นผู้พัฒนาและปรับปรุงมาจนถูกใจเองกับมือ โดยจุดเริ่มต้นของร้านก็มาจากการที่คุณแม่ได้มอบสูตรชาไทยให้คุณรัสเพื่อมาเปิดร้าน โดยตัวคุณรัสเองก็ได้ศึกษาตลาดผู้บริโภคในไทยและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะเริ่มต้นผลิตสินค้าชาไทยใส่ขวดมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนในช่วงแรก แต่สินค้าได้รับความนิยม ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ร้านจึงตัดสินใจขยับขยายมาเปิดหน้าร้านที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์เป็นที่แรก เวลาล่วงเลยถึงปัจจุบัน ร้านการันของคุณรัสเติบโตจนมีมากกว่า 15 สาขาแล้ว

แล้วผลประกอบของบริษัท การัน เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของร้านการันเป็นอย่างไรบ้าง

ปี 2564 รายได้ 9.3 ล้านบาท ขาดทุน 4.1 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้ 26.2 ล้านบาท ขาดทุน 9.3 แสนบาท

ปี 2566 รายได้ 100.8 ล้านบาท รายได้ 9.2 ล้านบาท

ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 บริษัทสามารถทำรายได้ได้ถึง 100 ล้านบาทได้เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเช่นกัน

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคนถึงยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อชาไทย ที่หาซื้อได้ที่ไหนไม่ยาก ในราคาแก้วละเป็นร้อย ซึ่งก็ต้องบอกว่าการันผ่านการแบรนดิ้งที่ประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับการคิดค้นสูตรชาไทยแบบพรีเมียม ที่แตกต่างกับร้านอื่นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้มีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์นี้

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าลำพังแค่เครื่องดื่มชาไทยอย่างเดียวอาจยังไม่สามารถจับใจลูกค้าจนทำให้ร้านประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เพราะถ้าพูดกันตรง ๆ อาหารหรือเครื่องดื่มแม้จะอร่อยแค่ไหน กินบ่อย ๆ สักวันก็ต้องเบื่อ

ด้วยเหตุนี้นอกจากเครื่องดื่มชาไทยพรีเมียมแล้ว การันภายใต้คอนเซปต์ว่า Endless Possibility of Thai Tea จึงได้ยกระดับสินค้าด้วยการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มและขนมชาไทยรูปแบบใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ชาไทยที่ผสมดอกหอมหมื่นลี้ ไอศกรีมชาไทย และทีรามิสุชาไทย เป็นต้น โดยคอนเซปต์ดังกล่าวยังสามารถต่อยอดไปยังสินค้าอื่นนอกเหนือจากอาหารด้วย ยกตัวอย่างเช่น เทียนหอมและบาธบอมบ์ (Bath Bomb) กลิ่นชาไทย

กลยุทธ์การเพิ่มมิติและการดัดแปลงชาไทยไปในหลายรูปแบบนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าชาไทยแล้ว ก็เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์และความสนุกให้กับลูกค้า ทำให้อยากลองสินค้าใหม่ ๆ และกลับมาซื้อของกับร้านอีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยสร้างความแตกต่างให้กับร้าน เพราะมีแค่ร้านการันที่เพิ่มคุณค่า นำชาไทยมาต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้ขนาดนี้

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านประสบความสำเร็จก็คือ การศึกษาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมาอย่างดีทำให้วางโพสิชันและตั้งกลยุทธ์ทางการตลาดมาได้อย่างเหมาะสม โดยกลุ่มลูกค้าหลัก ๆ ของแบรนด์ก็คือคนที่มีกำลังจ่ายและทำงานอยู่ในเมือง เพราะสินค้ามีราคาที่สูงจากต้นทุนที่สูงและลักษณะสินค้าที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าหลักของร้านก็พูดรวม ๆ อาจจะเป็นสายเที่ยว ชอบเดินห้างฯ ซื้อของ และชอบถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย

ด้วยเหตุนี้ การันจึงเน้นขยายสาขาไปในห้างสรรพสินค้าที่คนจะชอบมาเดินเล่นกันบ่อย ๆ หรืออยู่ในย่านที่มีออฟฟิศสำนักงานหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น สยามพารากอน เอ็มควอเทียร์ ตึกสำนักงานเอส โอเอซิส และอาคารพาร์ค สีลม เป็นต้น ทำให้การันสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่าย

นอกจากนี้ กลยุทธ์การตลาดที่การันใช้ยังโฟกัสไปที่การตลาดแบบไวรัล หรือ Viral Marketing โดยการสร้างกระแสในโซเชียลมีเดียเพื่อให้คนมาสนใจมากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคหลักด้วย โดยการันเคยผลิตแก้วกระดาษที่มีคำคมน่ารัก ๆ เขียนไว้อยู่ เพื่อโปรโมตให้ลูกค้าอยากถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย

การจัดหน้าร้านก็มีส่วนช่วยอย่างมากกับการสร้างและโปรโมตแบรนด์ของการัน โดยทางแบรนด์มีวิธีการจัดหน้าร้านและนำเสนอสินค้าให้ดูมีความเรียบหรู เพื่อให้สอดคล้องไปกับความพรีเมียมของแบรนด์ และยังเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้าอยากถ่ายรูปหรือคลิปลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นการโปรโมตร้านไปในตัว

อ่านมาถึงตรงนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนประกอบของความสำเร็จต่าง ๆ ของการันไม่ว่าจะเป็นคุณภาพและความแปลกใหม่ของสินค้า ไปจนถึงการวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ก็ต่างสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและความพยายามของคุณรัสได้เป็นอย่างดี และส่งผลให้การันสามารถเติบโตมาเป็นแบรนด์ชาไทยรายได้นับ 100 ล้านบาทได้ในวันนี้

ที่มา: ธนาคารกรุงศรี, โซเชียลมีเดียของการัน

ผู้เขียนและเรียบเรียง: พรบวร จิรภัทร์วงศ์

#BusinessPlus

#ธุรกิจ

#ชาไทยการัน