IPO ไทย 2567–2568 จากปีทองสู่ยุคเงียบเหงา

IPO ไม่ได้เป็นเพียงการระดมทุนเข้าตลาดหุ้น แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนความเชื่อมั่นของธุรกิจและนักลงทุนในระบบเศรษฐกิจ ปี 2567–2568 จึงเปรียบเสมือนภาพสองขั้วตรงข้าม ที่บอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนไทยได้อย่างชัดเจน

ในตลอดทั้งปี 2567 ตลาดทุนไทยยังคงซบเซาเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ก็มีความเคลื่อนไหวให้เห็น จำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใน SET และ mai รวม 32 แห่ง มูลค่าระดมทุนรวมสูงกว่า 20,450 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา IPO กว่า 112,000 ล้านบาท แม้ตัวเลขเหล่านี้ยังต่ำกว่าปีก่อน แต่ก็สะท้อนความต้องการเงินทุนของภาคเอกชนที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง

เมื่อเข้าสู่ปี 2568 ภาพกลับยิ่งซบเซากว่าเดิม จำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่เหลือเพียง 6 แห่ง ทั้งหมดอยู่ในตลาด mai ส่วนตลาด SET ไม่ปรากฏบริษัทใดเลย มูลค่าระดมทุนรวมทั้งปีหดตัวเหลือเพียง 1,262 ล้านบาท ลดลงกว่า 94% จากปีก่อน นับเป็นการชะลอตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี และชี้ให้เห็นถึงความท้าทายเชิงโครงสร้างของตลาดทุนไทย

หากมองย้อน 5 ปีย้อนหลัง จะเห็นภาพชัดเจนว่าช่วง 2564–2566 คือ “ยุคทองของ IPO ไทย” มูลค่าระดมทุนแตะระดับหลายหมื่นถึงแสนล้านบาท โดยเฉพาะปี 2565 ที่เคยสร้างสถิติสูงสุดกว่า 97,000 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา IPO กว่า 500,000 ล้านบาท แต่ในปี 2567–2568 ตัวเลขกลับลดลงเหลือเพียงเสี้ยวเดียวของอดีต ราวกับพลิกจาก “ปีทอง” มาสู่ “ปีเงียบ” อย่างสิ้นเชิง

ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากหลายปัจจัยผสมผสาน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ยังถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยสูง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และที่สำคัญคือผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยที่ต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ทำให้บริษัทขนาดใหญ่เลือกชะลอการ IPO เพื่อรอจังหวะตลาดที่เหมาะสมและการประเมินมูลค่าที่ดีกว่า

แม้ภาพรวมจะซบเซา แต่ตลาด mai ยังสะท้อน “ความหวัง” เพราะยังมีบริษัทขนาดเล็กและกลาง โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มอาหาร สุขภาพ และนวัตกรรม ที่ยังคงมุ่งใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนการเติบโต แสดงให้เห็นว่าความฝันทางธุรกิจยังไม่ดับลง เพียงแค่รอจังหวะที่เหมาะสมในการขยายตัว

ปัจจุบันยังมีรายชื่อบริษัทที่ยื่นไฟลิ่งรอคิว IPO อีกหลายราย ทั้งใน SET อย่าง TURBO, MRDIYT, ATLAS และใน mai อย่าง SKIN, STTC รวมถึงกองทรัสต์ ONYXRT หากภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนกลับมาเอื้ออำนวย บริษัทเหล่านี้อาจกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ตลาด IPO ไทยฟื้นตัวอีกครั้ง

สองปีที่ผ่านมาได้สะท้อนบทเรียนสำคัญว่า ตลาด IPO ไม่เคลื่อนไหวแบบเส้นตรง แต่เต็มไปด้วยรอบขึ้นลงที่สะท้อนทั้งสภาพเศรษฐกิจภายในและแรงกดดันจากภายนอก นักลงทุนจึงไม่ควรพิจารณาเพียงจำนวน IPO หรือมูลค่าระดมทุนในปีใดปีหนึ่ง แต่ควรมองลึกไปถึงโครงสร้างเศรษฐกิจ กระแสเงินทุน และเมกะเทรนด์โลกที่กำลังกำหนดทิศทางธุรกิจในอนาคต เพราะโอกาสมักจะซ่อนอยู่เสมอในความเงียบที่หลายคนมองข้ามไป

ที่มา : SET

เขียนและเรียบเรียง : สถาปัตย์ มะดวง

#BusinessPlus

#ธุรกิจ

#IPO