อิสราเอล-อิหร่านตึงเครียด เศรษฐกิจโลกผวาความเสี่ยง
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทำให้นักลงทุนแห่ซบสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ขณะที่แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกยังหนุนต่อ Goldman Sachs คาดมีโอกาสเห็นราคาแตะ 4,000 ดอลลาร์
เช้านี้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นแตะที่ประมาณ 3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยราคาทองคำปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากแรงซื้อของนักลงทุนที่มองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงในสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแรงหนุนจากความต้องการซื้อของธนาคารกลางและสถาบันการเงินทั่วโลก
ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรงมากขึ้น
ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศซึ่งมีสหรัฐฯ และมหาอำนาจอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้นมาก อิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการ “Rising Lion” ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล โดยมุ่งเป้าโจมตีฐานทัพและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกว่า 150 จุดใน 6 เมือง รวมถึงกรุงเตหะราน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้มีผู้นำในกองทัพอิหร่านและประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก
อิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้นำสูงสุด อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ยังคงประกาศเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ต่อไป พร้อมยกเลิกการเจรจากับสหรัฐฯ ความตึงเครียดนี้ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 7% เนื่องจากความเสี่ยงที่จะเกิดการปิดช่องแคบฮอมุช ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งน้ำมัน และส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันโลก ทั้งเป็นการกระตุ้นเงินเฟ้อและเพิ่มแรงกดดันให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น
สถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอลและผลทางการเมือง
อิสราเอลกำลังเผชิญกับความขัดแย้งหรือสงครามใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
- ฉนวนกาซา กับกลุ่มฮามาสที่ปะทะกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตุลาคม 2023
- ชายแดนที่ติดกับเลบานอน มีการสู้รบกับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ผ่านการยิงจรวดและโดรน
- เวสต์แบงก์ เกิดความตึงเครียดกับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์
- การปะทะกับอิหร่านและพันธมิตรในหลายพื้นที่
ในส่วนของการเมืองภายใน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู รอดมติยุบสภาอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนน 61 ต่อ 53 จากทั้งหมด 120 เสียง หลังจากได้เจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลกลุ่ม Ultra-Orthodox เรื่องกฎหมายยกเว้นเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้รัฐบาลสามารถอยู่ในอำนาจได้อย่างน้อยอีก 6 เดือน แต่จะไม่สามารถยื่นญัตติยุบสภาได้อีก อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งภายในรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชนและฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในฉนวนกาซาและอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ความมั่นคงของรัฐบาลยังคงเปราะบาง
ผลกระทบและการตอบสนองของนานาชาติ
“สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเป็นตัวเร่งสำคัญที่ผลักดันให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว แต่แรงหนุนจากความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลกที่เข้าซื้อต่อเนื่อง ยังเป็นปัจจัยบวกที่แข็งแกร่ง ทำให้ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกในระยะกลางถึงยาว” ฮั่วเซ่งเฮง ระบุ
ขณะที่นานาชาติ ทั้งจีนและสหประชาชาติ ต่างออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้แนวทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารโดยตรง แต่ได้เตรียมพร้อมอพยพเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว
ฮั่วเซ่งเฮง ระบุว่า นอกจากปัจจัยสงครามแล้ว ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องกว่า 30% ในปีนี้ ยังได้รับแรงหนุนที่แข็งแกร่งจากปัจจัยพื้นฐานสำคัญอีก 2 ประการ ได้แก่
- แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก: ธนาคารกลางหลายประเทศยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์และสินทรัพย์ประเภทอื่น
- ความต้องการจากสถาบันการเงิน: กองทุนและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในทองคำ และเข้าซื้อเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
สำหรับแนวโน้มในระยะต่อไปยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยฮั่วเซ่งเฮงมองว่า แม้แนวโน้มหลักจะยังเป็นขาขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าในระยะสั้นราคาทองคำอาจมีความผันผวนสูง ปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำกล่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ขณะที่วาณิชธนกิจระดับโลกอย่าง Goldman Sachs ยังคงคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะไปถึง 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่ Bank of America คาดการณ์ว่าราคามีโอกาสพุ่งแตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใน 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนให้เห็นว่าในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก