ในปัจจุบันที่มีทั้งโรคอุบัติใหม่โรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมการดำเนินชีวิต ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้จะมีการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่การเจ็บป่วยก็ยังสามารถเกิดขึ้นกับทุกคนได้ ดังนั้น กลุ่มธุรกิจ ‘โรงพยาบาล’ จึงถือเป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับทุก ๆ คน ไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกับในแง่ของการลงทุน ที่ถึงแม้ว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะไม่ได้มีความหวือหวามากนัก แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีความน่าสนใจไม่น้อยสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ดี การจะให้ผลตอบแทนในแง่ของปันผลได้นั้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการเลือกลงทุนเป็นอันดับแรก ๆ นั้น นอกจากชื่อเสียงขององค์กรแล้ว ผลประกอบการของบริษัทก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ซึ่งในวันนี้ Business+ ได้หยิบยกเอาผลการดำเนินงาน และอัตราการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ของ ‘กลุ่มโรงพยาบาล’ จำนวน 7 บริษัท มานำเสนอ เพื่อให้ได้เห็นว่าในปีที่ผ่านมา กลุ่มนี้มีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไรบ้าง
1. บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล’ ในกรุงเทพมหานคร โดยมีการให้บริการทางการแพทย์ครบวงจรทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมทั้งศูนย์บริการผู้ป่วยต่างชาติ และลงทุนในธุรกิจการแพทย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 7,006.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,068.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.88% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 4,938.22 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จ่ายปันผลในอัตรา 2.35 บาท/หุ้น ในวันที่ 10 พ.ค. 2566 และครั้งที่ 2 ในอัตรา 1.35 บาท/หุ้น ในวันที่ 06 ก.ย. 2566 รวมจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ทั้งสิ้น 3.70 บาท/หุ้น
2. บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศ โดยมีโรงพยาบาลเครือข่ายในไทยและกัมพูชา ดำเนินการภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล นอกจากนี้เครือข่ายของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ยังรวมถึงธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตยาและธุรกิจผลิตน้ำเกลือ เป็นต้น
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 14,375.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,769.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.03% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 12,606.20 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จ่ายปันผลในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น ในวันที่ 24 เม.ย. 2566 และครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.35 บาท/หุ้น ในวันที่ 29 ก.ย. 2566 รวมจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ทั้งสิ้น 0.65 บาท/หุ้น
3. บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ในลักษณะโรงพยาบาลทั่วไป (General Hospital) ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลพระรามเก้า’
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 557.86 ล้านบาท ลดลง 9.75 ล้านบาท หรือลดลง 1.72% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 567.61 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 1 ครั้ง ในอัตรา 0.29 บาท/หุ้น ในวันที่ 19 พ.ค. 2566
4. บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ในลักษณะโรงพยาบาลทั่วไป (General Hospital) ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลราชธานี’ และ ‘โรงพยาบาลราชธานี โรจนะ’
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 419.68 ล้านบาท ลดลง 609.55 ล้านบาท หรือลดลง 59.22% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,029.23 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จ่ายปันผลในอัตรา 0.50 บาท/หุ้น ในวันที่ 23 พ.ค. 2566 ครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.70 บาท/หุ้น ในวันที่ 31 ส.ค. 2566 และครั้งที่ 3 จ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ในวันที่ 21 ธ.ค. 2566 รวมจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ทั้งสิ้น 1.45 บาท/หุ้น
5. บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน เริ่มก่อตั้งในปี 2529 จนถึงปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียนรวม 1,100 ล้านบาท ประกอบด้วยบริษัทย่อยจำนวน 11 บริษัท มีสาขาของโรงพยาบาลสถานพยาบาลและคลินิกในกลุ่มรวมทั้งหมด 14 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการบริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เขตประเวศ เขตลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก และถนนเทพารักษ์ ถนนกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการครอบคลุมไปถึงจังหวัดในภาคตะวันออกได้แก่บริเวณ ถนนบางนาตราด อำเภอบางปะกง และนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา-พนนสารครม อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถนน 304 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และอำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยรวม 793 เตียง
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,046.05 ล้านบาท ลดลง 1,732.40 ล้านบาท หรือลดลง 62.35% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 2,778.45 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จ่ายปันผลในอัตรา 0.0750 บาท/หุ้น ในวันที่ 19 พ.ค. 2566 และครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.02 บาท/หุ้น ในวันที่ 8 ก.ย. 2566 รวมจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ทั้งสิ้น 0.095 บาท/หุ้น
6. บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ดำเนินธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.) กลุ่มธุรกิจบริการด้านการแพทย์ 2.) ธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์และวินิจฉัยทางวิทยาศาสตร์ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร 3.) ธุรกิจสนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์ การตลาด การขาย การบริหารสถานพยาบาลเฉพาะกิจนอกสถานที่ 4.) ธุรกิจสนับสนุนการให้บริการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 63.55 ล้านบาท ลดลง 259.36 ล้านบาท หรือลดลง 80.32% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 322.91 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จ่ายปันผลในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น ในวันที่ 19 พ.ค. 2566 ครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.03 บาท/หุ้น ในวันที่ 8 ก.ย. 2566 และครั้งที่ 3 จ่ายปันผลในอัตรา 0.03 บาท/หุ้น ในวันที่ 8 ธ.ค. 2566 รวมจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ทั้งสิ้น 0.16 บาท/หุ้น
7. บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ในลักษณะโรงพยาบาลทั่วไป (General Hospital) ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลธนบุรี’
โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 295.41 ล้านบาท ลดลง ล้านบาท หรือลดลง 81.56% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,601.70 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2566 จำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จ่ายปันผลในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น ในวันที่ 31 ม.ค. 2566 และครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.60 บาท/หุ้น ในวันที่ 26 พ.ค. 2566 รวมจ่ายเงินปันผลในปี 2566 ทั้งสิ้น 0.90 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ นอกจาก ‘โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์’ จะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นที่สุดจากทั้งหมด 7 บริษัทที่ได้หยิบยกมานำเสนอแล้ว ในปี 2566 หรือปี 2023 ยังถือเป็นโรงพยาบาลของไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดโผ ‘World’s Best Hospitals 2023’ จากนิตยสาร Newsweek และ Statista โดยอยู่ในอันดับที่ 182 จากทั้งหมด 250 อันดับ และถูกจัดให้เป็น ‘โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2023’ อีกด้วย
สำหรับ 10 อันดับ ‘โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2023’ จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Newsweek และ Statista ได้แก่
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล (ในเครือ BH)
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
- โรงพยาบาลกรุงเทพ (ในเครือ BDMS)
- โรงพยาบาลสมิติเวช (ในเครือ BDMS)
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
- โรงพยาบาลธนบุรี (ในเครือ THG)
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
- โรงพยาบาลบีพีเค 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
- โรงพยาบาลเมดพาร์ค
- โรงพยาบาลพระราม 9 (ในเครือ PR9)
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, newsweek
เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #โรงพยาบาล #กลุ่มโรงพยาบาล #หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล #หุ้นปันผล #BH #โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ #กรุงเทพดุสิตเวชการ #BDMS #โรงพยาบาลพระรามเก้า #PR9 #โรงพยาบาลราชธานี #RJH #โรงพยาบาลจุฬารัตน์ #CHG #โรงพยาบาลลาดพร้าว #LPH