ในปี 2568 ถือว่าเป็นปีที่หลายๆบริษัทในไทยได้พัฒนาตัวเองด้วยการนำเครื่องมือทางดิจิทัลมาใช้ โดยเฉพาะนำมาใช้เพิ่มผลิตภาพ ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และลดต้นทุน แต่ยังพบข้อมูลว่า ผู้นำองค์กรในไทยส่วนใหญ่ยังขาดทักษะและความเชี่ยวชาญด้าน Generative AI (GenAI) และบางส่วนยังขาดงบประมาณและทรัพยากร และยังยึดติดกับระบบ IT รูปแบบเดิมๆ นั่นจึงทำให้การใช้เทคโนโลยีของไทยยังตามหลังค่าเฉลี่ยโลก
โดยผลสำรวจ Deloitte Thailand Digital Transformation Survey 2025 พบว่า องค์กรไทยเริ่มผสานดิจิทัลสู่ธุรกิจหลักมากขึ้น แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร นอกจากนี้ ยังมีการนำ Generative AI (GenAI) มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
ซึ่งในปี 2568 สถานะขององค์กรไทยในเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลยังคงใกล้เคียงกับผลสำรวจของปีที่ผ่านมา โดยองค์กร ที่อยู่ในระยะ ‘Doing Digital’ มีสัดส่วนมากที่สุดที่ 44% ตามด้วยระยะ ‘Becoming Digital’ ที่ 28% และระยะ ‘Being Digital’ ที่ 15% ขณะที่กลุ่ม ‘Exploring Digital’ มีสัดส่ววน 10% และ ‘Digital Laggard’ อยู่ที่ 3%
สะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่สมดุลและระมัดระวังมากขึ้น และองค์กรไทยไม่ได้มองว่าการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลเป็นเรื่องการทดลองการใช้เทคโนโลยีต่อไป แต่กำลังผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจหลักอย่างเต็มรูปแบบ และมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากขึ้น
สำหรับผลลัพธ์ของการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลที่องค์กรไทยประสบความสำเร็จสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1. การเพิ่มผลิตภาพการทำงานของพนักงาน (67%)
2. การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (61%)
3. การลดต้นทุน (58%)
สะท้อนถึงการลงทุนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่องค์กรที่มีความพร้อมด้านดิจิทัลสูง มีแนวโน้มการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับความท้าทายสำคัญยังคงครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ (35%) การขาดงบประมาณและทรัพยากร (34%) และการยึดติดกับระบบไอทีเดิม (31%) ซึ่งมาแทนประเด็นความไม่พร้อมด้านวัฒนธรรมทางดิจิทัลในปีที่แล้ว
ทั้งนี้องค์กรไทยยังคงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น เว็บไซต์แบบดั้งเดิม (44%) คลาวด์ (65%) และแอปพลิเคชันมือถือ (57%) ขณะที่ Data Analytics เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้รับความสนใจมากที่สุด (70%) ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่มีแนวโน้มกระจายการลงทุนไปยังเทคโนโลยี AI, Augmented Reality/Virtual Reality (AR/VR), หุ่นยนต์, Internet of Things (IoT) และบล็อคเชน (Blockchain)
ในภาพรวมองค์กรไทยจะตื่นตัว แต่ผู้นำขององค์กรในไทยยังประเมินระดับความเชี่ยวชาญด้าน GenAI ของตนเองต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยมีเพียง 5% ที่มองว่าตนมีความเชี่ยวชาญในระดับ “สูงถึงสูงมาก” เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 44% โดยอุตสาหกรรมที่นำหน้าในการใช้ GenAI ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อและโทรคมนาคม และบริการทางการเงิน
โดยกลุ่มกรรมการบริษัท และ CEO เกือบ 60% เห็นว่ายังให้ความสนใจด้าน GenAI ไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้บริหารสายเทคโนโลยี (CIO/CTO) มากกว่า 80% เชื่อว่าตนให้ความสำคัญในระดับที่เหมาะสมแล้ว
ทั้งนี้หากเจาะข้อมูลลงไปถึงแผนกที่มีการนำ GenAI มาใช้มากที่สุดในองค์กร จะพบว่า แผนกไอทีและความปลอดภัยทางไซเบอร์ และแผนกการตลาด การขายและการบริการลูกค้า โดยการใช้งาน GenAI 5 อันดับแรก ได้แก่ การสืบค้นข้อมูล (68%) การสรุปเนื้อหาเอกสาร การประชุม และข่าว (54%) การผลิตคอนเทนต์ประเภทข้อความ ภาพ เสียง และวิดีทัศน์ (50%) การแปลภาษา (48%) และการใช้เป็นผู้ช่วยเสมือนหรือแชทบอท (45%)
ปิดท้ายกันทีความท้าทายในการนำ GenAI ไปใช้ 3 อันดับแรก ได้แก่ ความพร้อมด้านบุคลากร (63%) การขาดกลยุทธ์ที่ชัดเจน (32%) และการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม (24%) ดังนั้นการวางกลยุทธ์ภาพรวมและการวางแผนพัฒนาบุคลากรจึงเป็นสิ่งที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ
ที่มา : Deloitte Thailand
เรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS