เมื่อสายการบิน Emirates ประกาศการลงทุน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.6 แสนล้านบาท เพื่อติดตั้งชั้น Premium Economy ในเครื่องบินจำนวน 219 ลำ ภายในปี 2573 ซึ่งต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่เพียงการเพิ่มที่นั่งอีกชั้นหนึ่ง แต่เป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการบินโลก
ปรากฏการณ์ “Premiumization” คือ เทรนด์ที่เปลี่ยนโลกการบิน
การเกิดขึ้นของชั้น Premium Economy ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นคำตอบต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดการบินโลก ที่กำลังเข้าสู่ยุค Premiumization อย่างเต็มตัว โดยหลายสายการบินชั้นนำของโลกต่างเปิดให้บริการลูกค้าระดับชั้น Premium Economy และสามารถมีรายได้รวมของสายการบินทั่วโลก มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
และจากจุดสำเร็จนี่้เอง ทำให้สายการบินชั้นนำของโลกต่างมุ่งหวังว่า ลูกค้าระดับชั้น Premium Economy จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของสายการบิน จึงไม่แปลกใจเลยว่า สายการบินชั้นนำทั่วโลกต่างลงทุนอย่างหนักในการยกระดับบริการชั้นพรีเมียมนี้ขึ้น
ความจริงที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจก็คือ Premium Economy ไม่ใช่การทดแทน First Class หรือ Business Class แต่เป็นการสร้างตลาดใหม่ ระหว่างชั้น Economy กับ Business Class ซึ่งเป็นช่องว่างที่มีมูลค่ามหาศาล
โมฮัมเหม็ด อัล วาเฮดิ ผู้จัดการสายการบินเอมิเรตส์ ประจำประเทศไทย พม่า และลาว ยกตัวอย่างราคาตั๋ว Premium Economy เส้นทาง BKK-DXB-BKK (กรุงเทพ-ดูไบ-กรุงเทพ) ให้ดูว่า หากเราจองซื้อตั๋ว (รวมทุกอย่างแล้ว) ชั้นประหยัด 23,770 บาท, ชั้นประหยัดพรีเมียม 37,250 บาท, ชั้นธุรกิจ 79,970 บาท และชั้นหนึ่ง 129,530 บาท (ราคาตั๋วโดยสารขึ้นอยู่กับที่นั่งว่าง และมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหากเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์)
จากกลยุทธ์ตั้งราคาดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ยังมีช่องว่างราคาที่กว้างมากระหว่างลูกค้าทุกกลุ่ม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องว่างของกลุ่มชั้น Economy กับชั้น Premium Economy ที่จะมีส่วนต่างของราคามากถึง 56% โดยสายการบินจะสามารถเพิ่มรายได้โดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องลดจำนวนที่นั่งในชั้นอื่น ๆ ลงมากนัก
นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้โดยสารยุคใหม่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นักธุรกิจรุ่นใหม่หลายคนต้องการความสะดวกสบาย แต่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณระดับ Business Class เต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในยุคที่หลายบริษัทเริ่มตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างใกล้ชิด
ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อปานกลางถึงสูงก็พร้อมจ่ายเพิ่มเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า โดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกลที่ต้องใช้เวลาบินหลายชั่วโมง และอีกกลุ่มหนึ่งที่สำคัญ คือ กลุ่มครอบครัว ซึ่งต้องการความสะดวกสบายในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Business Class เพราะต้องซื้อตั๋วหลายที่นั่งพร้อมกัน
กลยุทธ์ของ Emirates เป็นมากกว่าแค่เพิ่มที่นั่ง
การลงทุน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 1.6 แสนล้านบาท ของ Emirates ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมการบินโลก เพราะการลงทุนติดตั้งที่นั่งชั้น Premium Economy ดำเนินการทั้งหมด 219 ลำ ประกอบด้วย Airbus A380 และ Boeing 777 ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2573 จากปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 72 ลำ
“เราเปิดให้บริการมาระยะหนึ่ง ก็ต้องบอกว่า ผลตอบรับดีมาก” โมฮัมเหม็ด อัล วาเฮดิ ระบุ พร้อมกับบอกว่า สิ่งที่โดดเด่นของชั้น Premium Economy สำหรับสายการบิน Emirates คือ ความพิถีพิถันในการออกแบบ โดยเราไม่ได้แค่เพิ่มที่นั่ง แต่เราสร้างประสบการณ์ใหม่ที่สมบูรณ์แบบ เริ่มตั้งแต่เบาะหนังสีครีมพรีเมียมที่มีลายเย็บหรู ความกว้างของเบาะอยู่ที่ 19.5 นิ้ว ซึ่งกว้างกว่าชั้น Economy ทั่วไป
ที่สำคัญคือ ระยะห่างระหว่างแถวที่ 40 นิ้ว เมื่อเทียบกับ Economy ทั่วไป ที่มักอยู่แค่ 31-32 นิ้ว โดยความแตกต่างนี้สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกล เบาะสามารถปรับเอนได้ถึง 8 นิ้ว และปรับได้ 6 ทิศทาง ทำให้ผู้โดยสารสามารถหาท่านั่งที่สบายที่สุดได้ตามต้องการ
ด้านเทคโนโลยีก็ไม่ได้ถูกมองข้าม หน้าจอ HD LCD ขนาด 13.3 นิ้วพร้อมระบบ Bluetooth ทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้หูฟังของตัวเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการในยุคนี้ และนอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว การบริการจะได้รับการยกระดับอย่างชัดเจน โดยมีพนักงานต้อนรับ 3 ท่านเฉพาะสำหรับดูแลผู้โดยสารชั้น Premium Economy
เมนูอาหารอยู่ในระดับเดียวกับ Business Class พร้อมไวน์วินเทจที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน รวมถึงผู้โดยสารยังได้รับสิทธิพิเศษในการใช้เคาน์เตอร์เช็กอินเฉพาะ และมีลำดับขึ้นเครื่องแยกจากชั้น Economy สัมภาระที่สามารถเช็กอินได้ก็เพิ่มขึ้นเป็น 35 กิโลกรัม เทียบกับ Economy ทั่วไปที่ 30 กิโลกรัม
มันคุ้มค่าจริงหรือ ? เมื่อมองจากผลตอบแทนการลงทุน
คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย คือ การลงทุนมหาศาลนี้คุ้มค่าจริงหรือไม่ เมื่อเราลองคำนวณตัวเลขอย่างละเอียด จะเห็นภาพที่น่าสนใจ การเพิ่มที่นั่ง Premium Economy ในแต่ละเครื่องมีจำนวนต่างกัน โดย A380 มี 56 ที่นั่ง Boeing 777 มี 24 ที่นั่ง และ A350 มี 28 ที่นั่ง โดยรวมแล้ว Emirates ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 4 ล้านที่นั่งต่อปีภายในปี 2026
ลองคำนวณรายได้เพิ่มเติมต่อปีอย่างคร่าว ได้ว่า เที่ยวบินหนึ่ง มีที่นั่ง Premium Economy 40 ที่นั่ง และมี Occupancy rate ที่ 75% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลสำหรับสายการบินชั้นนำ รายได้เพิ่มขึ้นต่อที่นั่งคือ 13,480 บาท (คำนวณจาก 37,250 ลบ 23,770) ดังนั้น รายได้เพิ่มต่อเที่ยวบิน จึงอยู่ที่ 404,400 บาท (40 ที่นั่งคูณ 75% คูณ 13,480) ซึ่งหากเครื่องบินแต่ละลำ บินเฉลี่ย 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ จะส่งผลให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น
63 ล้านบาท ต่อเครื่องต่อปี
และเมื่อคูณด้วย 219 เครื่อง โดยพิจารณาจากต้นทุนการลงทุนทั้งหมด จะเห็นว่า โครงการนี้อาจคืนทุนภายใน 4-6 ปี ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับโครงการขนาดนี้ในอุตสาหกรรมการบิน และที่สำคัญก็คือ การคำนวณนี้ยังไม่ได้รวมผลประโยชน์ทางอ้อมอื่น ๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของความภักดีต่อแบรนด์ การดึงดูดลูกค้าจาก Business Class ของคู่แข่ง และรายได้จาก Ancillary services ต่าง ๆ ดังนั้น การลงทุน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นการลงทุนเชิงรุกมากกว่าการเสี่ยง และเชื่อว่า สายการบิน Emirates มีเงินทุนสำรองเพียงพอและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดได้
อย่างไรก็ตาม แม้แผนการนี้จะดูสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ และหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงถดถอยทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการเดินทางลดลงในบางเส้นทาง รวมถึงการแข่งขันทางธุรกิจที่สายการบินอื่น ๆ จะเพิ่มชั้น Premium Economy ซึ่งจะส่งผลให้ราคาตั๋วอาจถูกกดดันให้ลดลงจากปัญหา Supply Chain นั่นเอง
ผลกระทบระดับโลก ทำไมเรื่องนี้สำคัญ ?
การเคลื่อนไหวของ Emirates มีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลกในหลายมิติ สิ่งแรกที่เห็นได้ชัด คือ การตั้งมาตรฐานใหม่ Emirates กำลังตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับ Premium Economy ที่ไม่ใช่แค่เพิ่มที่นั่ง แต่สร้างประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่แท้จริง และเมื่อผู้โดยสารได้สัมผัส Premium Economy ในระดับนี้ พวกเขาจะยกระดับความคาดหวังกับสายการบินอื่น ๆ ทำให้คู่แข่งต้องปรับตัวและยกระดับบริการของตนเองให้ทัดเทียม และนี่จะเป็นแรงกดดันให้ทั้งอุตสาหกรรมต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การปรับตัวของอุตสาหกรรมในวงกว้าง เป็นอีกประเด็นที่น่าจับตามอง เพราะสายการบินทั่วโลกกำลังจับตาดูความสำเร็จของ Emirates อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากชั้น Premium Economy ของ Emirates ประสบความสำเร็จตามที่คาดการณ์ เราจะเห็นการขยายตัวของชั้นนี้ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
หมายความว่า สายการบินอื่น ๆ ที่ยังไม่มีบริการนี้จะถูกบังคับให้ต้องปรับตัว และผู้ที่ปรับตัวได้เร็วก็จะได้เปรียบในการแข่งขัน และนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโครงสร้างอุตสาหกรรมการบินโลก จากเดิมที่มีแค่ 3 คลาส จะกลายเป็นมี 4 คลาสที่ชัดเจน คือ Economy, Premium Economy, Business และ First Class
เมื่อพิจารณาจากทุกมิติแล้ว การลงทุน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐของสายการบิน Emirates ในชั้น Premium Economy นั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เมื่อทิศทางของตลาดชี้ให้เห็นชัดเจนว่า อุตสาหกรรมการบินกำลังเข้าสู่ยุค Premiumization อย่างเต็มรูปแบบ เพราะผู้โดยสารยุคใหม่พร้อมจ่ายมากขึ้น เพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า…
เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://instagram.com/businessplus.th
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business