ดีแทค (dtac) ตั้งเป้าช่วย SME ก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ด้วยแพ็คเกจที่มากจากแนวคิดการสร้างความมีส่วนร่วม ที่เน้น “ง่าย” และ “สะดวก”…
highlight
- ความท้าทายธุรกิจ เอสเอ็มอี (SMEs) ในปัจจุบันนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น “ช่วงเวลาของการแข่นขัน” เรื่องของความภักดีต่อเเบรนด์ (Brand Loyalty) นั้นแทบจะน้อยมาก แค่เพียงรู้สึกไม่สะดวก ก็พร้อมจะไปใช้บริการจากผู้ให้บริการรายอื่นในทันที่ ขณะที่ “ความไม่แน่นอน” การทำตลาดทุกวันนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่แน่นอนคาดเดาไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการธุรกิจทั้งในด้านการพัฒนาสินค้า การพัฒนาคุณภาพ ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมไปถึงบริการหลังการขาย
- เราจึงได้ออกแบบแพ็คเกจเพื่อธุรกิจ ทำให้เรื่องของ “ต้นทุนในการติดต่อสื่อสาร” โดยออกแบบมาเพื่อ “ความสบายใจในการใช้งาน“ และ “ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ” ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถมองเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสารขององค์กรได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าในแต่ล่ะเดือนจะต้องชำระเท่าไร
dtac SME นวัตกรรมการสื่อสารเพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจยุคใหม่
“ความท้าทายธุรกิจ เอสเอ็มอี (SMEs) ในปัจจุบันนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น “ช่วงเวลาของการแข่นขัน” ซึ่งหากพิจารณาตลาดก็จะพบว่าในหนึ่งสินค้า หรือหนึ่งแบรนด์ ไม่ได้มีผู้เล่นในตลาดนั้นเพียงรายเดียว ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้บริการ หรือสินค้าทดแทนได้
ทำให้เรื่องของความภักดีต่อเเบรนด์ (Brand Loyalty) นั้นแทบจะน้อยมาก แค่เพียงรู้สึกไม่สะดวกก็พร้อมจะไปใช้บริการจากผู้ให้บริการรายอื่นในทันที่ ซึ่งนี้สะท้อนว่าระยะที่แบรนด์อยู่มาในตลาดอาจไม่มีผลอะไรเลยในยุคนี้ อีกทั้ง “ความไม่แน่นอน”
การทำตลาดทุกวันนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่แน่นอนคาดเดาไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการธุรกิจทั้งในด้านการพัฒนาสินค้า การพัฒนาคุณภาพ ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมไปถึงบริการหลังการขาย
ขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเอง หรือปัจจัยทางการเมือง ต่างก็ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจได้ด้วยเช่นเดียวกัน” อธิคม จิตตวนิชกระภา รองผู้อำนวยการสายงานลูกค้่าธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ dtac SME
ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ในวันนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เป็นธุรกิจที่สร้างขึ้นใหม่เท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่อยู่ในรูปแบบของ “แฟมิลี บิสิเนส” (Family Business) หรือธุรกิจกิจการแบบส่งต่อรุ่นต่อรุ่น ด้วยเช่นกัน
จากที่เคย ฃบริหารงานแบบเรียบง่าย ไม่ได้มีระบบที่ซับซ้อน การดำเนินงานขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนในครอบครัว ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แต่มุมการบริการเช่นนี้ อาจจะใช้ไม่ได้ในยุคปัจจุบันแล้ว
“การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน สิ่งที่เเรกที่ต้องคำนึงคือ “ง่าย” และ “สะดวก” ทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าของคุณเข้าถึงบริการ หรือผลิตภัณฑ์“
อย่างที่กล่าวไปคือวันนี้ ความภักดีต่อเเบรนด์ (Brand Loyalty) ในกลุ่มผู้บริโภคน้อยลง และตลาดมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้บางกลยุทธ์เดิม ๆ ใช้ไม่ได้ หรือใช้ได้ แต่ไม่ครอบคลุม
วันนี้ธุรกิจ SME จำเป็นต้องเริ่มที่ปรับตัวเอาเรื่องของกลยุทธ์ “ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” (Customer Centric) มาใช้ เพื่อมองหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และต้องสามารถใช้งานง่าย และยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า
อีกทั้งต้องใช้เทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับกระบวนการผลิต หรือนำมาใช้ช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า สร้างกำลังซื้อจากตลาดที่นอกเหนือจากเดิมที่มีอยู่ และสร้างสิ่งที่จะเชื่อมโยงกับลูกค้าได้
ซึ่งทั้งนี้อาจร่วมไปถึงการยกระดับกระบวนการทำงานของบุคลากรภายในองค์กรด้วย เพราะกลุ่มคนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่จะสัมผัสกับลูกค้าโดยตรงนั่นเอง
“การยกระดับกระบวนการทำงานภายในธุรกิจของคุณด้วยแนวคิดการสร้างความมีส่วนร่วม ก็จะทำให้เกิดแนวทาวใหม่ ๆ แล้วค่อยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปเสริม เพื่อเชื่อมต่อธุรกิจของคุณกับลูกค้าของคุณได้รวดเร็วมากขึ้น“
“สำหรับ ดีแทค เรามองเรื่องของความท้าทายของตลาด SME เป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เพราะเราคือผู้ที่อยู่ในธุรกิจทางด้านการสื่อสาร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในระดับโลก และเราเค้าใจเป็นอย่างดีว่าในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหนก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องของการสื่อสารสะดุด หรือขาดช่วงได้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกันเองในองค์กร หรือการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า หรือคู่ค้า
เราจึงได้ออกแบบแพ็คเกจเพื่อธุรกิจ ทำให้เรื่องของ “ต้นทุนในการติดต่อสื่อสาร” ของธุรกิจเป็นไปอย่างเหมาะสม และใช้สร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้” อธิคม จิตตวนิชกระภา กล่าว
แพ็คเกจที่คิดขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก
ในธุรกิจ SME เราได้ออกแบบแพ็คเกจ dtac SME ที่เหมาะสมกับธุรกิจ ด้วยหาปัญหาของธุรกิจ (Pain Point) ที่เกิดว่ามีสาเหตุจากอะไร มีข้อกังวลใจอะไรในการดำเนินธุรกิจ อย่างเช่น การออกแบบแพ็คเกจค่าโทรศัพท์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าของเราในแต่ธุรกิจอย่างเหมาะสม
เพื่อไม่ให้ลูกค้าที่ใช้บริการโครงข่ายสื่อสารของดีแทค ไม่จำเป็นต้องแบกภาระ “ค่าใช้จ่าย” ที่เกิดจากการใช้งานไม่เหมาะสมกับการใช้งานจริง อาทิ ค่าโทรตั้งแต่ 400 นาที ไปจนถึง บุฟเฟ่ต์ 24 ชม. ไม่จำกัด (ทุกเครือข่าย)
หรือจะเป็น ปริมาณอินเทอร์เน็ตบนโครงข่าย 3G หรือ 4G (Internet 3G/4G) ตั้งแต่ 2GB ไปจนถึง 100GB (ใช้งานได้ต่อเนื่อง) หรือแม้แต่การป้องกัน SMS คิดเงินแบบอัตโนมัติ
ทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อ “ความสบายใจในการใช้งาน” และ “ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ” ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถมองเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสารขององค์กรได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าในแต่ล่ะเดือนจะต้องชำระเท่าไร
ซึ่งทั้งหมดลูกค้าจะสามารถยกเลิกได้โดยไม่มีสัญญาผูกมัดใด ๆ ขณะที่หากมีการอัปเกรดแพ็คเกจ ก็จะปรับให้โดยอัตโนมัติอีกด้วย
การออกแบบที่ยืดหยุ่นของแพ็คเกจของเราจะช่วย SME สามารถกำหนดได้ว่าบุคลากรจะใช้เทคโนโลยี หรือค่าโทรเท่าไรให้เหมาะสมกับหน้าที่รับผิดชอบได้นั่นเอง
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่