The Business Plus บิสิเนสพลัส
ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ Data หรือข้อมูล มีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจ โดยที่มีบริษัทระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Netflix, Meta และ Apple สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้ผ่านการใช้ประโยชน์ของข้อมูลในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจและพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่จึงควรพัฒนาองค์กรผ่านการ Data-Driven แต่หลายคนก็อาจจะยังงง ๆ อยู่ว่า ควรเริ่มจากตรงไหนหรือมีขั้นตอนอย่างไร ดังนั้นบทความนี้จะสรุปขั้นตอนการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยข้อมูล หรือ Data-Driven Transformation ของบมจ. บิซิเนส ออนไลน์ หรือ BOL มาให้อ่านกัน
ทั้งนี้ BOL เป็นบริษัทที่มีรายได้หลักจากการขายข้อมูลเชิงธุรกิจผ่านการวิเคราะห์สถิติเชิงลึก โดยที่มีลูกค้าเป็นทั้งแบบ B2B และ B2G จึงทำให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน Big Data และ Data Analysis ของไทย
- ตั้งเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จหรือปัญหาที่อยากแก้ไขให้เหมาะสม
ก่อนที่จะเริ่มนำเข้าเดต้ามาช่วยธุรกิจ หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเลยว่าอยากนำเดต้ามาช่วยให้องค์กรดีขึ้นในจุดไหน จนทำให้ติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก ดังนั้นขั้นแรก เราควรวิเคราะห์ว่า ธุรกิจของเรากำลังเจอปัญหาไหนส่วนไหนหรือมีจุดไหนในกระบวนการที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยเดต้า ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทำร้านอาหารก็อาจเจอปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของระบบซัปพลายเชน ที่ทำให้ลดต้นทุนราคาสินค้าได้ยาก เป็นต้น เมื่อหาเป้าหมายเจอแล้ว เราค่อยไปสู่ขั้นตอนการหาเดต้า
- หาเดต้าที่ถูกต้องและเหมาะสม
เดต้าแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ Foundational Data ซึ่งก็คือข้อมูลพื้นฐานที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น ประวัติ ทุนจดทะเบียน และงบการเงินของบริษัท เป็นต้น และ Alternative Data หรือข้อมูลทางเลือกที่มีความซับซ้อนขึ้นกว่าเดต้าแบบแรก เช่น บทวิเคราะห์การสร้างแบรนด์หรือความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัท โดยเราควรนำเดต้าที่มีความครบถ้วน ทันสมัย และหลากหลาย มาประกอบการตัดสินใจ เพื่อเปิดมุมมองต่าง ๆ อย่างครบถ้วน
- ใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ที่สุด
เทคโนโลยีที่ใช้ต้องตอบโจทย์ธุรกิจและเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาปรับใช้กับองค์กร หรือการประเมินผลผ่านระบบ Scoring ที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
- การมีขั้นตอนที่เหมาะสม
การสร้างขั้นตอนการทำงานที่ละเอียดรัดกุมจะมีประโยชน์อย่างมากต่อองค์กร เพราะนอกจากจะช่วยลดความผิดพลาดได้แล้ว ยังทั้งประหยัดเวลาและต้นทุนด้วย ยกตัวอย่างเช่น การสร้างเฟรมเวิร์คขั้นตอน Due Diligence ก่อนการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญอย่างเหมาะสม
- การหาทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสม
ข้อสุดท้ายที่เป็นแกนหลักของกระบวนการทั้งหมดคือการค้นหาพนักงานที่มีความเข้าใจอย่างดีถึงความสำคัญของข้อมูล ซึ่งผู้ประกอบการเองก็มีส่วนสำคัญในการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรเหล่านี้ลงไปในพนักงานทุกคนด้วย
ที่มา: งามสัมมนาประจำปี C Vision 2025 โดย Business Plus
ผู้เขียนและเรียบเรียง: พรบวร จิรภัทร์วงศ์
