ทำไมการซื้อห้างฯอินเดียของ CP อาจไม่ใช่เรื่องดี

จากประเด็นที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ยื่นประมูลซื้อกิจการ บริษัทเมโทร แคช แอนด์ แคร์รี อินเดีย (Metro Cash and Carry India) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้า แบบค้าส่งของอินเดียด้วยมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท สูงกว่าคู่แข่งคือกลุ่ม Reliance Retail ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาค้าปลีกของอินเดียที่ยื่นเสนอในราคา 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยการทุ่มสุดตัวเพื่อเข้าประมูลในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนของ CP ที่ต้องการขยายการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกของอินเดียเพื่อเพิ่มรายได้จากต่างประเทศอยู่แล้ว โดยปัจจุบันกลุ่ม CP มีธุรกิจในอินเดียผ่านห้าง ‘แม็คโคร’ ในชื่อแบรนด์ค้าปลีก ‘Lots’ ซึ่งได้เข้าไปเปิดสาขาแรกปี 2561 (ปัจจุบันมี 3 สาขา)

ถึงแม้ว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ภายนอกอาจจะมองเป็นการรุกตลาดครั้งสำคัญของ CP เพราะตลาดค้าปลีกในอินเดียถือเป็นตลาดที่เติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีมูลค่าตลาด 9.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ ด้วยจำนวนประชากรอันดับ 2 ของโลกที่ 1,373 ล้านคน (รองจากประเทศจีน) จึงไม่แปลกใจหากอินเดียจะกลายเป็นเป้าหมายทางการตลาดสำหรับ CP

แต่หากมองปัจจัยที่จะเข้ามามีผลกระทบในระยะสั้นอาจจะพูดได้ว่าการซื้อกิจการครั้งนี้ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากมาย และอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด สาเหตุที่ ‘Business+’ มองแบบนี้ เพราะเหตุผลทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน คือ

1. ความสามารถในการทำกำไรที่แท้จริงของ Metro Cash and Carry ไม่ได้สูงจนน่าสนใจ โดยพบว่าผลประกอบการของ Metro Cash and Carry ในปี 64 มี EBITDA ที่ 14.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 540 ล้านบาท จากยอดขาย 816 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.69 หมื่นล้านบาท) คิดเป็น EBITDA Margin เพียง 2%

ซึ่งการที่ EBITDA ค่อนข้างต่ำนั้นสะท้อนให้เห็นว่าจากการดำเนินธุรกิจบริษัทเหลือกำไรที่แท้จริงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายที่ทำได้ เพราะ EBITDA คือ กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แท้จริงของธุรกิจ

2. อุปสรรคจากกฎหมายด้านการค้าปลีกของอินเดียที่บอกเอาไว้ชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้บริษัทอีคอมเมิร์ซที่มีต่างชาติเป็นเจ้าของทำการตุนสินค้าจากหลายหลายแบรนด์ และขายตรงให้กับผู้บริโภค สาเหตุที่อินเดียมีกฎหมายข้อนี้เป็นเพราะต้องการปกป้องธุรกิจค้าปลีกไปจนถึงร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น รวมไปถึงการมีความเสี่ยงที่จะถูกต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษนิยมชาวอินเดีย เหมือน Metro Cash and Carry ที่เป็นบริษัทต่างชาติในช่วงแรกที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจจากกลุ่มการเมือง

3. พฤติกรรมของคนอินเดียที่ยังคงผูกติดกับร้านค้าที่เรียกในภาษาท้องถิ่นเรียกว่า ‘Kirana’ ซึ่งลักษณะเป็นเหมือนร้านโชห่วยในเมืองไทย ลักษณะคือร้านค้าขนาดเล็กที่รวบรวมสินค้าทุกประเภทไว้ในที่เดียวและส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้ชิดกับชุมชนมากกว่าค้าปลีกแนวใหม่ และร้านค้า Kirana ยังมีสัดส่วนมากถึงประมาณ 90% ทำให้ค่อนข้างชิงส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างยาก

นอกจากนี้ ความเห็นของ ‘บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์’ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่ม CP จะชนะการประมูลครั้งนี้ หากเคลียร์เรื่อง Regulation ในอินเดียได้เรียบร้อย

แต่มองว่าจากธุรกิจของ Metro เป็นธุรกิจ Cash and Carry เหมือน MAKRO (บริษัทค้าปลีก) จึงคาดว่าหากกลุ่ม CP ชนะการประมูลจะนำ Metro ไปอยู่ภายใต้การดูแลและเป็นบริษัทย่อยของ MAKRO เช่นเดียวกับโลตัสส์ และอาจจะกลายเป็นตัวฉุดประสิทธิภาพการทำกำไรของ MAKRO เพราะ Metro ในปี 64 มี EBITDA เพียง 14.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 540 ล้านบาท และยอดขายเพียง 816 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ‘Business+’ ได้แกะข้อมูลของ Metro Cash and Carry India Private Limited (Metro C&C) พบว่า เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันชื่อ Metro Group ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลกจำนวน 680 สาขาใน 24 ประเทศ และได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในอินเดียปี 2546 หรือราว 19 ปีที่แล้ว แต่ต้องบอกว่าเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 14 ปีถึงจะสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัท เพราะการขยายตลาดในอินเดียไม่ใช่เรื่องง่าย

โดยผู้เล่นในตลาดนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายในแง่ของต้นทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สูง การแข่งขันจากบริษัทค้าส่งทั้งในและต่างประเทศ และการแข่งขันจากภาคอีคอมเมิร์ซ

อย่างไรก็ตามด้วยการลงทุนจำนวนมากในประเทศเพื่อพัฒนากลยุทธ์ก็ทำให้บริษัทแห่งนี้มีกำไรในปี 2561 (หลังจากดำเนินการมา 14 ปี) จนปัจจุบัน Metro Cash and Carry มีร้านค้า 31 แห่งในประเทศ

สุดท้ายนี้เรามองว่า ถึงแม้ว่าในมุมของ Metro Cash and Carry จะถือว่าประสบความสำเร็จมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่ปัจจุบันหลังจากทั่วโลกต้องเจอกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้ต้องรัดเข็มขัดและวางแผนที่จะเติบโตตลาดอินเดีย เพราะจะเกิดการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดในสมรภูมิที่ดุเดือดนี้ทาง Metro Cash and Carry จึงต้องการแหล่งเงินทุนจากนักลงทุนหรือหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง การเข้ามาของยักษ์ใหญ่อย่าง CP ที่มีประสบการณ์ทำการตลาดในอินเดีย และมีเงินทุนสำหรับขยายกิจการจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบริษัทแห่งนี้

ที่มา : hbsp.harvard.edu, outlookindia,

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/o9fQ6fA
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #CP #ค้าปลีกค้าส่ง