ตัวอย่างเพลง Christmas ในแอปฯ Spotify ที่สร้างรายได้ให้เจ้าของปีละเป็นล้าน!

มาถึงช่วงเวลาคริสต์มาสของปี ถ้าใครเดินตามห้างก็น่าจะได้ยินเสียงเพลงประจำเทศกาล โดยอินโฟกราฟิกนี้ได้รวบรวมตัวอย่างเพลงคริสต์มาสยอดฮิต ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันบ้าง พร้อมกับคำนวณส่วนแบ่งรายได้ที่เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงจะได้รับทุกครั้งที่มีคนกดสตรีมเพลงในแอปฯ Spotify

ทั้งนี้ เพลงคริสต์มาสเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่เพลงสร้างบรรยากาศช่วงปลายปี แต่เป็นทรัพย์สินที่ทำเงินได้จริงซ้ำ ๆ ทุกปี จนทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงสามารถทำเงินได้เป็นล้าน ๆ ในแต่ละปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเลย

หลักคิดของการคำนวณรายได้ที่เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงจะได้รับก็ไม่ได้ซับซ้อน เราเริ่มจากนำข้อมูลจำนวนครั้งการสตรีมเพลงในแอปฯ Spotify มาคูณด้วย 0.004 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ Spotify ได้รับจากการสตรีมเพลงต่อครั้ง แล้วนำตัวเลขที่ได้มาคำนวณหาสัดส่วนที่เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงจะได้รับอีกที ซึ่งคาดการณ์ว่าอยู่ที่ 70% ของรายได้

ทั้งนี้ Spotify ใช้ระบบที่เรียกว่า pro-rata payoff model แปลว่าการแบ่งรายได้ตามสัดส่วนการสตรีม หมายความว่า Spotify จะเก็บรายได้ที่มาจากการเก็บค่าสมาชิกพรีเมียมและค่าโฆษณามารวมเป็นเงินก้อนใหญ่ก่อน แล้วจึงมาแบ่งให้กับคนที่มีเพลงถูกสตรีมมากที่สุดตามสัดส่วนของการสตรีมของแต่ละคน ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงแต่ละรายได้รับส่วนแบ่งรายได้ไม่เท่ากัน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงรับส่วนแบ่งรายได้ไม่เท่ากันด้วย เช่น จำนวนผู้ฟังพรีเมียมกับฟรี ประเทศที่ฟัง และข้อตกลงกับค่ายเพลงหรือผู้จัดจำหน่ายจำนวนคนสตรีมเพลง

อย่างไรก็ตาม Spotmod วิเคราะห์ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว Spotify มีรายได้เท่ากับ 0.004 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการสตรีมเพลงหนึ่งครั้ง และแบ่งรายได้ให้เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงโดยเฉลี่ย 70% ของรายได้ดังกล่าว ดังนั้นตัวเลขในอินโฟกราฟิกนี้ จึงเป็นการประเมินคร่าว ๆ เพื่อให้เห็นขนาดของรายได้ ไม่ใช่ตัวเลขทางบัญชีแบบเป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์

ถ้าพูดถึงเพลงคริสต์มาสแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก All I Want For Christmas Is You ของ Mariah Carey เพลงที่ออกมาตั้งแต่ปี 1994 แต่ทุกปลายปีชื่อเพลงนี้จะกลับมาติดชาร์ตซ้ำแล้วซ้ำอีก ปัจจุบันยอดสตรีมรวม 2,400 ล้านครั้ง เมื่อนำมาคำนวณตามวิธีข้างต้น จะพบว่าเพลงนี้สร้างรายได้จากการสตรีมเฉลี่ยราว 9.6 ล้านบาทต่อปี และในจำนวนนั้น เจ้าของลิขสิทธิ์จะได้รับประมาณ 6.7 ล้านบาทต่อปี

ถัดมาคือ Last Christmas ของ Wham! เพลงคริสต์มาสยุค 80 มียอดสตรีมรวม 2,100 ล้านครั้ง เมื่อคำนวณออกมา รายได้จากการสตรีมเฉลี่ยอยู่ที่ราว 6.3 ล้านบาทต่อปี และเจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับประมาณ 4.4 ล้านบาทต่อปี

เพลงคริสต์มาสยุคใหม่ขึ้นมาหน่อยคือ Santa Tell Me ของ Ariana Grande ที่ออกในปี 2014 ยอดสตรีมรวมประมาณ 1,400 ล้านครั้งแล้ว ทำให้รายได้จากการสตรีมเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 15.8 ล้านบาท และเจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับราว 11 ล้านบาทต่อปี

เพลงสุดท้ายคือ It’s Beginning to Look a Lot Like Christmas ในเวอร์ชันของ Michael Bublé ที่ออกในปี 2011 ยอดสตรีมรวมอยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านครั้ง คิดเป็นรายได้จากการสตรีมเฉลี่ยราว 11.5 ล้านบาทต่อปี และเจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับประมาณ 8 ล้านบาทต่อปี

สรุปแล้ว เพลงคริสต์มาสก็เป็นเหมือนสินทรัพย์ที่ให้กระแสเงินสดซ้ำทุกปี ถ้าเพลงไหนสามารถกลายมาเป็นเพลงประจำเทศกาลก็ยิ่งมีโอกาสสร้างรายได้ไปอีกนาน โดยไม่จำเป็นต้องทำการโปรโมตเพลงทุกปี ตัวเลขในอินโฟกราฟิกนี้เป็นเพียงการประมาณการ แต่ก็ชัดเจนพอจะบอกได้ว่า เพลงหนึ่งเพลงสามารถสร้างรายได้ระดับหลักล้านต่อปีได้จริง

 

ที่มา: Spotify, Spotmod