เศรษฐกิจจีนกำลังถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขาดสภาพคล่องจนล้มละลาย และในอนาคตยังต้องเผชิญกับปัญหาอีกหลายอย่าง ทั้งเงินฝืด และอัตราการว่างงานในคนรุ่นใหม่สูงขึ้น จนทำให้ธนาคารโลกคาดการณ์ล่าสุดในต้นเดือนต.ค.ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอลงแตะระดับ 4.3% ในปี 2568 จากระดับของปี 2567 ที่คาดว่าจะขยายตัว 4.8% เพราะมองเห็นว่าใช้จ่ายของผู้บริโภคซบเซาลงและยังคงทรุดตัว
ซึ่งการที่จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน จึงทำให้เกิดเป็นผลกระทบต่อประเทศคู่ค้ามากมายโดยเฉพาะเอเชีย โดยมีการประเมินว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้นั้น ชะลอตัวลงตามเหลือ 4.4% ในปี 2568 จากปีนี้คาดการณ์ 4.8%
อย่างไรก็ตามล่าสุดในวันนี้ถือว่ามีข่าวดี (15 ต.ค.67) ไฉซิน (Caixin) สื่อด้านเศรษฐกิจของจีนได้มีการรายงานว่า จีนอาจออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพิเศษเพื่อระดมทุน 6 ล้านล้านหยวน (หรือคิดเป็น 8.46 แสนล้านดอลลาร์) คิดเป็นเงินไทยก็ราว 28 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา
ซึ่งการที่รัฐบาลจีนได้ออกพันธบัตรในครั้งนี้ พูดง่ายๆ ก็คือ รัฐบาลจีนจะกู้ยืมเงินจากประชาชนที่เข้าซื้อพันธบัตรและนำเงินมาช่วยบรรเทาเศรษฐกิจ หรือภาคธุรกิจที่กำลังประสบกับปัญหา โดยมีการคาดกาณณ์ว่า จะนำเงินทุนส่วนหนึ่งมาช่วยรัฐบาลท้องถิ่นบรรเทาภาระจากหนี้นอกงบดุล
นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังยังได้ออกมาให้สัญญาณบวกเพิ่มเติมว่า รัฐบาลกลางอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกเร็วๆนี้ ถึงแม้จะยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจน แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความหวังและความคาดหวังให้กับตลาด
ด้าน ‘บลูมเบิร์ก’ มองว่า การใช้จ่ายทางการคลังที่เพิ่มขึ้นยังถือเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาการฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางจีน
ที่มา : Caixin ,IQ
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #หนี้สิน #DE