หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ปูรากฐานและขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต คือแนวคิดและหลักปฏิบัติทางพุทธศาสนา ซึ่งนักพัฒนาและนักคิดชั้นนำเห็นร่วมกันว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง และแนะนำให้ประชาชนศึกษาและน้อมนำหลักพุทธศาสนามาเป็นหลักในการใช้ชีวิตและร่วมกันลดภาระที่มีต่อโลก สตีเฟ่น ยัง ผู้อำนวยการอาวุโสของ Caux Round Table for Moral Capitalism ชาวอเมริกันที่อยู่ในประเทศไทยมานานถึง 63 ปี กล่าวว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นหลักการที่มีความเป็นสากลมาก สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก ทั้งในระดับภาพกว้างและการปฏิบัติในส่วนบุคคล “ผมเคยได้มีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2510 นานถึงชั่วโมงครึ่ง พระองค์ตรัสเรื่องพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งและใช้หลักนี้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นี่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริในเรื่องนี้มานานหลายสิบปีแล้ว และพุทธศาสนาเป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” สตีเฟ่น กล่าวต่อว่า หลักแห่งความพอเพียง อาจยากที่จะอธิบายให้คนต่างชาติที่ไม่มีพื้นฐานทางพุทธศาสนาเข้าใจได้ เพราะเป็นหลักคิดที่ซับซ้อน ไม่สามารถอธิบายในคำเดียวได้ว่าคืออะไร เพราะแนวคิดนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องตรรกะที่เป็นเรื่องของสมองซีกซ้ายอย่างเดียว หรือเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นการทำงานของสมองซีกขวา แต่เป็นเรื่องของความสมดุล อยู่ในจุดกึ่งกลางที่ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อนำหลักคิดของศาสนามาใช้ในการอธิบายเรื่องของโลก ก็เหมือนกับเรามองว่าศาสนาไม่ใช่เรื่องของการไปวัด การทำบุญ การทำทาน แต่เป็นเรื่องของการบรรลุธรรม รู้แจ้งในความจริง เมื่อนำแนวคิดนี้มาใช้ในบริบทของความยั่งยืนคือ ต้องรู้แจ้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคมในองค์รวมว่าจะต้องสร้างความสมดุล …
Read More »