ทำความรู้จัก 3 แฟรนไชส์ ‘ชานมไข่มุก’ ระดับโลก หลังกูรูมองมูลค่าอุตสาหกรรม ‘ชานมไข่มุก’ โตแตะ 3.84 พันล้านเหรียญ ในปี 74

‘ชานมไข่มุก’ ถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหลายคนไม่ใช่แค่เพียงชอบรสชาติเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นเสพติด บางคนอาจจะดื่มอาทิตย์ละหลายครั้ง ในขณะที่บางคนต้องดื่มทุกวัน หรือมากกว่านั้นอย่างกรณีของสาวชาวจีนรายหนึ่งที่ติดน้ำหวานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ‘ชานมไข่มุก’ ที่จะต้องได้ดื่มอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว เป็นระยะเวลานานจนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

 

ซึ่งถ้าหากจะให้วิเคราะห์ว่าเพราะอะไรผู้คนถึงได้คลั่งไคล้เครื่องดื่มที่มีความหวานเป็นเอกลักษณ์อย่าง ‘ชานมไข่มุก’ ก็อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเพราะตัวของชานม ที่มีทั้งความหอมของกลิ่นชา และความกลมกล่อมจากการผสมผสานทั้งนมข้นจืด, นมข้นหวาน, น้ำตาล และส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไปตามแต่สูตรของร้านค้า นอกจากนี้ สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือท้อปปิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ที่มักจะมาคู่กันเสมอ อย่าง ‘ไข่มุก’ ที่มีทั้งความหวานและความหนึบให้ได้เคี้ยวเพลิน ๆ ในระหว่างดื่มชา ซึ่งไม่มีในเครื่องดื่มชนิดอื่น สิ่งเหล่านี้คงพอเป็นคำตอบให้ได้ในเบื้องต้นว่าทำไมเมนูนี้ถึงครองใจผู้คนเป็นจำนวนมาก

 

และด้วยความนิยมที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากหันมาทำธุรกิจร้าน ‘ชานมไข่มุก’ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามไปด้วย โดย ‘JC Market Research’ คาดการณ์ว่า CAGR ของ ‘ตลาดชานมไข่มุก’ ระหว่างปี 2566-2574 อยู่ที่ 7.41% อีกทั้งคาดการณ์ว่าภายในปี 2574 อุตสาหกรรม ‘ชานมไข่มุก’ ทั่วโลกจะมีมูลค่า 3.84 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 2.32 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566 ด้วยปัจจัยผลักดันหลายประการ เช่น รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของแฟรนไชส์ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพว่าอุตสาหกรรม ‘ชานมไข่มุก’ เติบโตมากแค่ไหน Business+ จึงได้หยิบยกแบรนด์ ‘ชานมไข่มุก’ ที่มีชื่อเสียงในระดับสากลและมีการขยายสาขาอย่างรวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลก 3 อันดับแรกมาให้ได้รู้จักและทราบถึงค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ของแบรนด์เหล่านี้ ได้แก่

 

Chatime

เป็นแบรนด์ ‘ชานมไข่มุก’ สัญชาติไต้หวันที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2011 ถือเป็นแฟรนไชส์ ‘ชานมไข่มุก’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการกระจายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันได้ขยายสาขากว่า 3,500 แห่ง ใน 58 ประเทศ และ 6 ทวีป สำหรับตลาดที่สำคัญของแบรนด์ ได้แก่ อินโดนีเซีย (มีสาขากว่า 400 แห่ง), มาเลเซีย (มีสาขากว่า 70 แห่ง), ฟิลิปปินส์ (มีสาขากว่า 140 แห่ง), ออสเตรเลีย (มีสาขากว่า 130 แห่ง), แคนาดา (มีสาขากว่า 100 แห่ง), ญี่ปุ่น (มีสาขากว่า 18 แห่งขึ้นไป), สหราชอาณาจักร (มีสาขากว่า 30 แห่งขึ้นไป) ร้านค้า), สหรัฐอเมริกา (มีสาขากว่า 20 แห่งขึ้นไป), ฝรั่งเศส (มีสาขากว่า 15 แห่งขึ้นไป), จีนแผ่นดินใหญ่ (มีสาขากว่า 20 แห่งขึ้นไป) และในอีกหลายบประเทศ

 

โดยจุดเด่นของ ‘Chatime’ คือประสบการณ์การผลิตชากว่า 30 ปี และความเชี่ยวชาญจากทีมนักวิจัยมืออาชีพที่ร่วมกันพัฒนาสูตรชานมเพื่อผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความต้องการของผู้บริโภคเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค สำหรับเมนูยอดนิยมของ ‘Chatime’ ได้แก่ ชานมไข่มุก, เฉาก๊วยนมสด, ชานมไข่มุกถั่วแดง, Taiwan Mango QQ, สมู ธตี้มะม่วง, เผือกปั่น, ชาอู่หลงน้ำผึ้งลาเต้, ชาเขียวมะลิน้ำผึ้ง, ชานมมัทฉะถั่วแดง และ ช็อกโกแลตมูส เป็นต้น

 

ด้านรายได้ ‘Chatime’ ถือว่ามีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเติบโตของรายได้ต่อปีนับตั้งแต่ก่อตั้งอยู่ที่ 2,219,454 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 54.5%

 

สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ ‘Chatime’ จะมีค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ 2 ส่วนในการดำเนินการ ได้แก่ ค่าแฟรนไชส์จำนวน 181,100-507,200 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์จำนวน 78,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Gong Cha

เป็นแฟรนไชส์เครื่องดื่มสไตล์ไต้หวันที่มีพื้นเพมาจากเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2006 ถือเป็นแบรนด์ชาที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย โดยมีสาขามากกว่า 1,500 แห่ง ในกว่า 20 ภูมิภาคทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นแฟรนไชส์ชาแห่งแรกที่ดำเนินการบนเรือสำราญสุดหรูระดับโลก โดยทางแบรนด์ได้บอกถึงความหมายของชื่อแบรนด์ ‘Gong Cha’ ไว้ว่า คือพิธีถวายชาแด่จักรพรรดิในจีนสมัยโบราณ ซึ่งจะมีการถวายชาเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแด่จักรพรรดิ ดังนั้นชาที่นำมาถวายแด่จักรพรรดิจีนจึงเป็นชาคุณภาพดีที่สุดที่รวบรวมมาจากทั่วราชอาณาจักร การซื้อชาจากร้าน ‘Gong Cha’ จึงเปรียบเสมือนการได้ดื่มน้ำชาที่ดีที่สุดที่ผ่านการคัดเลือกอย่างดีดังเช่นการถวายแด่จักรพรรดินั่นเอง

 

โดยจุดเด่นของ ‘Gong Cha’ คือการที่ลูกค้าสามารถปรับแต่งเครื่องดื่มในแบบที่ชอบได้ด้วยตัวเองจากส่วนผสมที่หลากหลายตามความชอบของแต่ละบุคคลด้วยชาพื้นฐานอันเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน ได้แก่ ชาชงต้นตำรับ, ชานม, ชาฟองนม รวมถึงการเลือกท็อปปิ้ง, การปรับปริมาณน้ำตาลและน้ำแข็งได้ตามต้องการ สำหรับเมนูยอดนิยมของ ‘Gong Cha’ ได้แก่ บราวน์ชูการ์ไข่มุกโอริโอ้โฟมนมชาอู่หลง, บราวน์ชูการ์คอฟฟี่เยลลี่ชานมอู่หลง, ชานมเอิร์ลเกรย์เจ, สมูทตี้โฟมนมเผือก, โอริโอ้ มิลค์ โฟม แบล็คฟอเรสต์, มัทฉะมิลค์โฟมสมูทตี้, ชาเขียวเสาวรสผสม QQ, ชานมรอยัลไข่มุก, ชาเขียวนมโฟม, ชานมเฉาก๊วย เป็นต้น

 

ด้านรายได้ ‘Gong Cha’ มีการเติบโตของรายได้ต่อปีนับตั้งแต่ก่อตั้งอยู่ที่ 1,444,937 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ -26.4%

 

สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ ‘Gong Cha’ จะมีค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ 2 ส่วนในการดำเนินการเช่นกัน ได้แก่ ค่าแฟรนไชส์จำนวน 177,430-335,400 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์จำนวน 41,500 ดอลลาร์สหรัฐ

 

CoCo Fresh Tea & Juice

ร้านชาที่มีจุดเริ่มต้นจากพื้นที่เล็ก ๆ ในเขตตั้นสุ่ย (Tamsui) ประเทศไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1997 โดยปัจจุบันได้มีการขยายกิจการไปทั่วทวีปเอเชีย, แปซิฟิกใต้ และอเมริกาเหนือ ด้วยจำนวนสาขากว่า 4,500 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น, ไทย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

 

โดยจุดเด่นของของ ‘CoCo Fresh Tea & Juice’ คือการคงไว้ซึ่งรสชาติชาแบบดั้งเดิมผ่านเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย สำหรับเมนูยอดนิยมของ ‘CoCo Fresh Tea & Juice’ ได้แก่ ชานม 3 สหาย, ชานมไช่มุกขาว, ชานมแพนด้า, ชาเสาวรส, Lemon Dunk (น้ำมะนาวผสมชามะลิ), ชาวินเทอร์เมล่อนครีมรสเค็ม, ชานมครีมเค็ม, ช็อกโกแลตกับพุดดิ้งและไข่มุก, Matcha Slush With Salty Cream (ชาเขียวมัทฉะปั่นราดด้วยครีมรสเค็มเข้มข้นนุ่มละมุน) เป็นต้น

 

ด้านรายได้ ‘CoCo Fresh Tea & Juice’ มีการเติบโตของรายได้ต่อปีนับตั้งแต่ก่อตั้งอยู่ที่ 175,400 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ -0.3%

 

สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ ‘CoCo Fresh Tea & Juice’ จะมีค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ 2 ส่วนในการดำเนินการ ได้แก่ ค่าแฟรนไชส์จำนวน 252,100-482,000 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์จำนวน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ

และนี่เป็นเพียงตัวอย่างของแบรนด์ ‘ชานมไข่มุก’ ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนสามารถขยายสาขาไปในหลายประเทศทั่วโลกเพียง 3 แห่งเท่านั้น ซึ่งนอกจากนี้ยังมีแบรนด์ ‘ชานมไข่มุก’ อีกเป็นจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จและมีความน่าสนใจ ซึ่งหากใครที่มองหาแฟรนไชส์ ‘ชานมไข่มุก’ ก็อาจจะต้องมององค์ประกอบหลายส่วนร่วมกันในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเงินลงทุน, ความสำเร็จและได้รับนิยมของแบรนด์, ระยะเวลาคืนทุนของแฟรนไชส์ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของแบรนด์ เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุด

 

ที่มา : chatimefranchise, konaequity, vettedbiz, gongchatea, coco-tea, cocobubbletea

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

.

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #3แฟรนไชส์ชานมไข่มุกระดับโลก #แฟรนไชส์ชานมไข่มุกระดับโลก #แฟรนไชส์ #ชานมไข่มุก #ชานม #Chatime #GongCha #CoCoFreshTea&Juice