บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กับกลยุทธ์ Customer Centric

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็น ‘ผู้นำ’ อันดับ 1 กลุ่มรถยนต์พรีเมียมของไทย เข้ารับรางวัลเกียรติยศ Thailand Top Company Awards ประเภทความเป็นเลิศ BEST CUSTOMER FOCUS AWARD หลังได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคสูงเป็นอันดับ 1 เป็นผลจากความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตรงใจลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงมีช่องทางบริการที่หลากหลาย บนความร่วมมือทุกฝ่ายอย่างดีเยี่ยม

 

ปี 2022 ผลการดำเนินงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทย ครองส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเป็น 46.6% ของตลาดรถยนต์พรีเมียม ด้วยยอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 15,010 คัน เพิ่มขึ้น 36.1% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 13,572 คัน และมินิ 1,438 คัน

 

เบื้องหลังการเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจในหลายประเด็น โดยเฉพาะขึ้นแท่นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทย เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน

 

อะไรอยู่เบื้องหลังการเติบโตของธุรกิจบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ลองมาฟังคำตอบจากคุณอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

“ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คือ คน โดยเราให้ความสำคัญกับคน เพราะความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างพันธมิตรและพนักงาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เราจึงได้เน้นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้จำหน่ายและพันธมิตรทางธุรกิจของเราตลอดมา และเรายังให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรที่ดี โดยสร้างความเข้าใจทั้งในเชิงกลยุทธ์และโอกาสในการเติบโตและพัฒนา เพื่อให้พนักงานมีความเชื่อมั่นในองค์กร และพร้อมที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จภายใต้เป้าหมายเดียวกัน

 

ข้อที่สอง ในขณะเดียวกัน เราเติบโตได้ด้วยกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวรถยนต์ที่มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านระบบขับเคลื่อนที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ รวมถึงในด้านการประกอบรถยนต์ที่โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จ.ระยอง เรากำลังมองหาทุก ๆ โอกาสเพื่อคัดเลือกนวัตกรรมใหม่ ๆ ของยานยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคชาวไทย

 

และข้อที่สาม ซึ่งมีความสำคัญมากนั่นคือ เรามีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในระหว่างช่วงเวลาที่มีแต่ความไม่แน่นอน เราก็ได้ลงทุนในบริการใหม่ ๆ เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้า โดยได้ลงทุนในโครงการที่มีชื่อว่า “Retail Next” โชว์รูมต้นแบบแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สอดคล้องกับโลกที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ทั้งด้านการขายและบริการ

 

ทั้งหมดนี้เป็นรูปแบบที่แสดงถึงการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอสินค้าที่ดี ด้วยบุคลากรชั้นเยี่ยม ทางด้านการขาย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในการสร้างแบรนด์ของเรา

 

สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูในระดับสากลแล้ว เราให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนทั้งในด้านกระบวนการผลิตและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของบีเอ็มดับเบิลยูในระดับโลกและในประเทศไทยเช่นกัน

 

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราให้ความสำคัญ คือ ประสบการณ์ของลูกค้า เนื่องจากเราดำเนินงานอยู่บนโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นภาวการณ์ขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ความท้าทายของกระบวนการขนส่งสินค้า ความไม่แน่นอนของภาวะการขนส่ง ซึ่งเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องบริหารจัดการเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด

 

เรื่องสำคัญท้ายสุด การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เนื่องจากบีเอ็มดับเบิลยูเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก จึงสามารถสร้างโอกาสได้อีกมากมายในการที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกิจกรรมสำหรับชุมชนผู้ใช้รถยนต์ BMW หรือ Mini ที่จัดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งสร้างความสำเร็จได้อย่างดี

 

และก็ต้องย้ำว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลาย ๆ บริษัท ได้ตัดลดงบประมาณการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าของตน แต่ไม่ใช่สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู เพราะเราเชื่อว่าในช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ยิ่งเป็นช่วงสำคัญที่เราจะต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” คุณบารากา กล่าว พร้อมเสริมว่า

 

“ปี 2565 นับเป็นปีแห่งความสำเร็จอีกปีหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ที่เราสามารถบรรลุเป้าหมายในหลาย ๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่ยอดจดทะเบียนรถบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาด 46.6% ในส่วนของยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เรามีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดถึง 10.6% นับเป็นความสำเร็จของการทำตลาดรถจักรยานยนต์กลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีขึ้นไป

 

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ เราสามารถบริหารจัดการเพื่อเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั้งด้านการขาย และการบริการ โดยเฉพาะด้านการบริการ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเราคือการมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการบริการที่สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง

 

ปีที่ผ่านมา เราได้รับคะแนนความพึงพอใจในด้านการบริการจากลูกค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการลงคะแนนกว่า 45,000 ครั้งของลูกค้าที่เข้าใช้บริการ ณ ผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู  ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เราเป็นอย่างมากที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นในบริการที่ดีที่สุดของเรา และเป็นพื้นฐานที่ทำให้เราประสบความสำเร็จด้านยอดจดทะเบียนตามมา

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะยังคงดำเนินงานตามแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการสร้างการเติบโตและการพัฒนาให้กับพนักงาน โดยมีเป้าหมายที่จะส่งมอบสุนทรียะแห่งการขับขี่ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และพลังแห่งทางเลือกให้แก่ลูกค้า และมั่นใจในศักยภาพที่จะขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จแห่งอนาคต

 

จากข้อมูลทั้งหมด จึงเป็นการตอกย้ำว่า ผู้บริโภคให้การยอมรับและเชื่อมั่นในสินค้าและบริการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จนคว้ารางวัลเกียรติยศ Thailand Top Company Awards 2023 ประเภทความเป็นเลิศ BEST CUSTOMER FOCUS AWARD ไปครองอย่างสมความภาคภูมิ

 

เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS