เปิดทิศทางเศรษฐกิจ 4 ชาติมหาอำนาจ ข้อมูล PMI การผลิตชี้ชัดใครโตแรง หรือ ฟื้นตัวช้า!!

ท้ายปี 2021 กิจกรรมทางเศรษฐกิจของ 4 ประเทศมหาอำนาจ อย่างยูโรโซน สหรัฐ จีน และญี่ปุ่น เริ่มฟื้นตัว จากภาคการผลิตและบริการทั่วโลกดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่เกิดโควิด-19 (2019-2020) แม้ว่าการเติบโตในสหรัฐอเมริกาและยูโรโซนชะลอตัวลงจากปัญหาด้านอุปทาน แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายต่าง ๆ ยังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19

โดยมีข้อมูลจาก ‘ศูนย์วิจัยกรุงศรี’ ว่า ข้อมูลดัชนี PMI ของภาคส่วนทั่วโลกบ่งชี้ว่าผลผลิตในภาคส่วนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในอาณาเขตการขยายตัว (PMI สูงกว่า 50) และอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุด 10 อันดับแรกอยู่ในภาคบริการ โดยอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศส่วนใหญ่จะเป็นผลดีต่อการสนับสนุนการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก

มาถึงตรงนี้ ‘Business+’ จะขออธิบายดัชนี PMI ให้เข้าใจแบบง่าย ๆ PMI ชื่อภาษาไทยคือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แบ่งเป็น 2 ดัชนีหลัก 1. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) 2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Non-Manufacturing PMI)

โดย PMI คำนวนจากปัจจัยหรือตัวแปร 5 ตัวแปร คือ
1.คำสั่งซื้อใหม่
2.ผลผลิต
3.การจ้างงาน
4.เวลาขนส่งของวัตถุดิบ
5.สินค้าคงคลังวัตถุดิบ

นักเศรษฐศาสตร์จะให้ความสำคัญกับ PMI เพราะสามารถบ่งชี้ได้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นไปทิศทางไหน เพราะถ้าหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในระยะ 3 เดือนข้างหน้า แต่ละบริษัทจะต้องสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ดังนั้น หากผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบ่งชี้ว่า มีการซื้อวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น ย่อมแสดงถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะตามมา หาก PMI สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัว แต่หากค่าตัวต่ำกว่า 50 จะชี้ถึงการหดตัว

PMI ภาคการผลิตสหรัฐ เดือนพฤศจิกายน 2021 อยู่ที่ 59.1 ปรับตัวลดลงจาก 59.2 ในเดือนตุลาคม
PMI ภาคการผลิตจีน เดือนตุลาคม 2021 อยู่ที่ 49.2 ปรับตัวลดลงจาก 49.6 ในเดือนกันยายน
PMI ภาคการผลิตยูโรโซน เดือนตุลาคม 2021 อยู่ที่ 58.6 ปรับตัวขึ้นจาก 58.5 ในเดือนตุลาคม
PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่น เดือนตุลาคม 2021 อยู่ที่ 54.2 ปรับตัวขึ้นจาก 53.0 ในเดือนตุลาคม

จะเห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วประเทศมหาอำนาจมีทิศทางที่ดี PMI สูงกว่า 50 และ ยูโรโซน ญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้นจากเดือนตุลาคม มีเพียง PMI ภาคการผลิตของจีนเท่านั้นที่ต่ำกว่าระดับ 50

ทั้งนี้ ‘ศูนย์วิจัยกรุงศรี’ มองว่าประเทศหลัก ๆ ของโลกกำลังคลี่คลายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อตอบสนองต่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศเหล่านี้จะเริ่มจำกัดการขาดดุลทางการคลังให้น้อยลง และค่อยๆ ปรับแผนกระตุ้นการเงินให้เป็นปกติ

ด้วยนโยบายที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิมจะทำให้ภาคเอกชนจะมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจตามการบริโภคของภาคเอกชนและการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะสนับสนุนการขยายตัวในการลงทุนทางธุรกิจ แม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะค่อนข้างช้า แต่ระยะการฟื้นตัวในอนาคตคาดว่าจะดีขึ้นกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา

#มาดูคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจรายประเทศกันบ้าง
#เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง ในปี 2565 จะเติบโต 3.4% โดยไม่ได้เติบโตในอัตราที่สูงมาก เพราะภาครัฐได้ลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง อย่างไรก็ตาม ความต้องการสินค้าและบริการค่อนข้างแข็งแกร่ง ด้านการบริโภคยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยยอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมเติบโต 16.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคกำลังกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับตัวแปรเดลต้า

#เศรษฐกิจยูโรโซน คาดว่าจะขยายตัว 4.3% ในปี 2565 ประเทศฮีโร่คือสเปนและเยอรมนี โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการฟื้นตัวคือการบริโภคของภาคเอกชน จากความต้องการสินค้าและบริการสามารถเร่งตัวขึ้นพร้อมกับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ที่ลดลง ในสหราชอาณาจักรและสเปน แม้จะขาดแคลนแรงงาน แต่ตลาดแรงงานกลับฟื้นขึ้นมาใกล้ระดับก่อนเกิดโรคระบาด หลังจากโปรแกรมการลาออกสิ้นสุดลง ภาคการท่องเที่ยวกำลังร้อนแรงจากการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ขณะที่การท่องเที่ยวขาเข้าได้รับแรงกระตุ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมารัฐบาลสเปนคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวมากกว่า 60% ของระดับก่อนวิกฤตในไตรมาส 1/2022

#เศรษฐกิจจีน ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากทางการกำลังมุ่งเน้นไปที่ “การเติบโตอย่างมีคุณภาพ” ในระยะยาว แทนที่จะเติบโตในระดับสูง ซึ่งการชะลอตัวของการเติบโตของ GDP เป็น +0.2% ในไตรมาส 3/2564 เทียบกับไตรมาสก่อน เกิดจากการปราบปรามด้านกฎระเบียบเพื่อลดการเก็งกำไรและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม ตลอดจนปัจจัยชั่วคราว รวมถึงการขาดแคลนพลังงานและการระบาดเป็นระยะ ๆ

ในปี 2565 เศรษฐกิจคาดว่าจะเติบโต 5.6% ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.0% ในปี 2564 อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจจีนไม่น่าจะมีการชะลอตัวอย่างรุนแรงจากการปรับปรุงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ข้อมูล PMI ของ Caixin Manufacturing and Services PMI เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น ขณะที่จีนเพิ่มการผลิตไฟฟ้าและสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ซึ่งทำให้การหยุดชะงักชั่วคราวอ่อนลง นอกจากนี้ การเติบโตของการส่งออกแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนตุลาคม ภาคการส่งออกจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญในปี 2565

#เศรษฐกิจญี่ปุ่น ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดครั้งล่าสุด GDP ไตรมาส 3/64 หดตัว 3% จากไตรมาสก่อน แต่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 4/64 ในปี 2565 คาดว่า GDP จะเติบโต 3.2% เมื่อเทียบกับประมาณการ 2.4% ในปี 2564 ขณะที่คาดการณ์ว่า GDP จะแตะระดับก่อนเกิดโรคระบาดในไตรมาส 1/2022 ปัจจัยสนับสนุน จากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน 75.9% ของประชากรที่ได้รับวัคซีนครบสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้ประเทศผ่อนคลายมาตรการกักกันและเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาได้ภายในไตรมาส 2/2022 ขณะที่เดือนตุลาคม PMI ภาคบริการได้ขยายขอบเขตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020

นอกจากนี้การส่งออกช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 เติบโต 32.1% แซงหน้าประเทศหลักอื่น ๆ และค่าเฉลี่ยทั่วโลก นอกจากนี้การฟื้นตัวของตลาดแรงงานโดยมีอัตราส่วนงานต่อการสมัครงานเพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน

เมื่อดูจากคาดการณ์ GDP ของทั้ง 4 ชาติมหาอำนาจ เราจะเห็นว่าทิศทางเศรษฐกิจโลกเริ่มมีแนวโน้มที่ดี ถึงหลายประเทศการฟื้นตัวจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็มีปัจจัยหนุนหลายด้านที่จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน โดย IMF คาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP โลกในปี 2021 อยู่ 6% ส่วนในปี 2022 คาดว่าจะขยายตัว 4.4%

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ข้อมูล : IMF World Economic Outlook ,Krungsri Research

Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #เศรษฐกิจมหภาค #ชาติมหาอำนาจ #GDP