เรียนรู้เทคนิคสร้างธุรกิจยั่งยืน ต้องมองไกลสู่อนาคต
เสียงชัตเตอร์จากกล้องฟิล์ม… ภาพถ่ายที่ถูกทิ้งไว้ในอัลบั้มเก่า ซึ่งนั่นคือมรดกที่ Kodak ทิ้งไว้ โดย Kodak ผู้นำที่เคยครองโลกภาพถ่าย กลับถูก ‘ภาพลวงตา’ ของความสำเร็จบดบังสายตา พวกเขาคือผู้ให้กำเนิดเทคโนโลยีกล้องดิจิทัล แต่กลับเลือกที่จะซ่อนนวัตกรรมนั้นไว้ในเงามืด ปล่อยให้ ‘กำไรระยะสั้น’ จากฟิล์มผูกมัดอนาคตของตนเอง
ในขณะที่ Paul Polman อดีต CEO ของ Unilever กลับ ‘วาดภาพ’ อนาคตที่แตกต่างออกไป เพราะเขามองว่า ‘บริษัทจะอยู่รอดได้ในอนาคต ไม่ใช่แค่การสร้างกำไร แต่คือการสร้างโลกที่ดีกว่า’ และ Polman คือผู้บริหารที่ใช้ความยั่งยืนในการสร้างสรรค์ธุรกิจ เขาเปลี่ยน Unilever ให้ผสานความเจริญเติบโตทางธุรกิจเข้ากับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จของ Unilever แสดงให้เห็นว่า ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ ‘กรอบภาพ’ ที่สวยงาม แต่คือ ‘แก่นแท้’ ของธุรกิจที่ยั่งยืน… และเป็น ‘เลนส์’ ที่ผู้นำต้องใช้มองอนาคต
สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน = โอกาสในความท้าทาย
ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน การเพิ่มขึ้นของประชากร และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน ดังนั้น ธุรกิจที่มองแต่ผลกำไรระยะสั้น จึงไม่อาจเพิกเฉยต่อผลกระทบระยะยาวที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป จึงทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียน บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือองค์กรขนาดเล็ก หากคู่ค้าของท่านให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานก็จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อตอบสนองความต้องการ ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ บริษัทฯ ที่สามารถสร้างมูลค่าใหม่ผ่านการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเติบโตทางธุรกิจ
การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจ
โลกธุรกิจกำลังถูกบีบอัดด้วย ‘Funnel’ [1] ที่แคบลงทุกขณะ ไม่เพียงแต่ทรัพยากรธรรมชาติที่ร่อยหรอลงเท่านั้น แต่เงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น และข้อจำกัดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยที่สร้างข้อจำกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และทวีความรุนแรงขึ้น สวนทางกับความต้องการทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของประชากรและการเติบโตของธุรกิจ ทำให้การปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการอยู่รอดในยุคนี้ ธุรกิจที่เพียงแค่ตามกระแส จะถูกจำกัดให้อยู่ใน Funnel ที่แคบลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ธุรกิจที่สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน จะเป็นผู้นำในการขยาย Funnel เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ
ขยายขีดจำกัด : การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์
Copyright © The Natural Step All right reserved
เรานิยามการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ การจะแก้ไขรากฐานปัญหาของสังคมที่ไม่ยั่งยืน [1] เราจึงต้องสร้างสังคมที่มั่นคง [2] เพื่อรักษาทรัพยากรและโครงสร้างที่จำเป็นต่ออารยธรรมของเรา เป้าหมายหลัก คือ การขยายขีดจำกัดของ Funnel ที่มีแนวโน้มจะตีบแคบลงทุกวัน [3] เพื่อสร้างสรรค์อนาคตใหม่ โดยเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวของโลกและสังคม พร้อมทั้งแก้ไขความเสียหายและมลพิษที่เราเคยสร้างไว้ในอดีต
นวัตกรรมเพื่อพิชิตความท้าทายของการจัดการอย่างยั่งยืน
เพื่อเอาชนะความท้าทายของการจัดการอย่างยั่งยืน เราต้องเข้าใจทั้งสนามแข่งและกฎกติกา ก่อนที่จะวางแผนการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด นวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาความยั่งยืน นวัตกรรมทั่วไปอาจช่วยยืดอายุการพัฒนา แต่กลับสร้างปัญหาใหม่ในที่อื่น (แม้จะมีเจตนาดีก็ตาม) เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่การผลิตแผงโซลาร์เซลล์เองก็อาจก่อให้เกิดวัสดุที่เป็นพิษและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น นวัตกรรมที่แท้จริง ต้องคำนึงถึงผลกระทบในทุกด้าน ไม่ใช่แค่ด้านบวก เราจึงจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงระบบ โดยบูรณาการกฎเกณฑ์ของการจัดการอย่างยั่งยืนเข้าสู่ทุกกระบวนการตัดสินใจ เพื่อสร้างแรงต้านต่อแรงกดดันทางสังคมและสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน
การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านการจัดการที่ยั่งยืน
การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจยุคใหม่ จำเป็นต้องนำการบริหารจัดการที่ยั่งยืนมาใช้ก่อนคู่แข่ง และออกแบบวิธีการเพิ่มขีดจำกัดของ Funnel ด้วยการสร้างมาตรฐานการแข่งขันใหม่ในธุรกิจ
(De Facto Standard) เพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาด Dr. Karl-Henrik Robèrt ผู้ก่อตั้ง NGO ระดับนานาชาติ The Natural Step ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและสังคมมนุษย์ไม่สามารถดำรงอยู่อย่างยั่งยืนได้ และนำเสนอ ‘หลักการความยั่งยืน 4 ข้อ’ ซึ่งเป็นแนวทางในการปฏิบัติการจัดการที่ยั่งยืน
หลักการ 1 : ไม่สนับสนุนกิจกรรมที่เพิ่มความเข้มข้นของสารจากเปลือกโลกในธรรมชาติ เช่น การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
หลักการ 2 : ไม่สนับสนุนกิจกรรมที่เพิ่มความเข้มข้นของสารที่ผลิตโดยมนุษย์ เช่น ยาปฏิชีวนะและสารรบกวนฮอร์โมน
หลักการ 3 : ไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ทำให้ธรรมชาติเสื่อมสภาพทางกายภาพ เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการระบายน้ำใต้ดิน
หลักการ 4 : ไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ขัดขวางการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เช่น สภาพการทำงานและการดำรงชีวิตที่ไม่ปลอดภัยและไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วย
4.1 สุขภาพ : รักษาหรือสร้างสุขภาพที่ดีทั้งทางกายภาพ อารมณ์ และจิตใจ
4.2 อิทธิพล : รักษาหรือสร้างอิทธิพลต่อระบบสังคมที่ตนเองเป็นสมาชิก เช่น การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น
4.3 ความสามารถ : มีโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถ เช่น การเรียนรู้ การปรับตัว การเติบโตส่วนบุคคล และการเข้าถึงความรู้
4.4 ความเป็นธรรม : ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เช่น ความยุติธรรม และการเคารพความหลากหลาย
4.5 ความหมายและความสำคัญ : ความหมายและความสำคัญในการเป็นสมาชิกของระบบสังคม เช่น การรู้สึกถึงเป้าหมาย ความเห็นอกเห็นใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลง
หลักการความยั่งยืน 4 ข้อนี้ เป็นรายการตรวจสอบเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา การกำหนดกลยุทธ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเลือกคู่ค้า และการพัฒนาบุคลากรสามารถดำเนินการตามหลักการความยั่งยืนนี้ได้ เมื่อได้ตรวจสอบกิจกรรมของธุรกิจตามหลักการความยั่งยืนแล้ว จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายและแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เพื่อดำเนินการบริหารจัดการต่อไป
การวางแผนย้อนกลับ (Backcasting) : การสร้าง Roadmap สู่การพัฒนา
การตั้งเป้าหมายและสร้างแผนที่นำทาง (Roadmap) โดยใช้แนวคิดแบบ Backcasting เพื่อพิจารณาสังคมที่ยั่งยืนในอนาคต โดยระบุว่า ปัจจุบันต้องทำอะไรบ้างเพื่อบรรลุเป้าหมาย แนวคิดนี้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างมีกลยุทธ์ในระยะยาว โดยมีขั้นตอนดังนี้
Copyright © The Natural Step All right reserved
- ขั้นตอน A (Awareness) : ทำความเข้าใจหลักการความยั่งยืน 4 ข้อ วัฏจักรธรรมชาติ และกระบวนการ ABCD จากนั้นสร้างวิสัยทัศน์ที่ไม่ขัดแย้งกับหลักการความยั่งยืน
- ขั้นตอน B (Baseline) : วิเคราะห์สถานะปัจจุบันตามหลักการความยั่งยืน 4 ข้อ
- ขั้นตอน C (Creative Solutions) : คิดค้นแนวคิดนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ยั่งยืน
- ขั้นตอน D (Decide on Priorities) : จัดลำดับความสำคัญของแผน โดยพิจารณาว่า
1. แผนนี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายสุดท้ายหรือไม่
2. แผนมีความยืดหยุ่นหรือไม่
3. แผนสามารถดำเนินการได้ในเชิงเศรษฐกิจหรือไม่
การตั้งเป้าหมายและการสร้างแผนที่นำทางเป็นขั้นตอนที่ท้าทาย เนื่องจากต้องมองช่องว่างของสถานะปัจจุบันและเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อกำหนดแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหา สู่การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
มาถึงคำถามสำคัญว่า ธุรกิจของคุณจะก้าวสู่ยุคแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง หรือไม่ อย่างไร BCon พร้อมเป็นพันธมิตรในการสร้างแผนงานความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง ด้วยประสบการณ์ในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนตั้งแต่ปี 2010 และความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง The Natural Step และ Future-Fit Foundation เรามีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนให้กลายเป็นแผนปฏิบัติการที่วัดผลได้จริง
อย่าปล่อยให้โอกาสในการสร้างความแตกต่างหลุดลอยไป เริ่มต้นการเดินทางสู่ความยั่งยืนกับ BCon วันนี้ เพื่อสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
ติดต่อเราทันทีที่ info@bcon.asia เพื่อรับคำปรึกษาเบื้องต้นฟรี และค้นพบว่า เราจะช่วยคุณสร้างแผนงานความยั่งยืนที่ทรงพลังได้อย่างไร อนาคตที่ยั่งยืนเริ่มต้นที่การตัดสินใจของคุณในวันนี้
เขียนและเรียบเรียง : สาวิตรี ตรีอรุณ Sales Executives บริษัท Business Consultants South East Asia Co., Ltd
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business