“โรงพยาบาลเอกชน” เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ถูกคาดการณ์ว่า ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ดีในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากความต้องการใช้บริการของกลุ่มลูกค้าในประเทศที่มีหลักประกันสุขภาพทั้งในรูปแบบประกันสังคมและประกันกลุ่มยังมีอยู่ต่อเนื่อง
อีกทั้งกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อาทิ ตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศอาเซียน ยังมีความต้องการเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จากมาตรฐานด้านการรักษา การบริการที่ดี และมีราคาต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบในคุณภาพเดียวกันหรือสูงกว่า
แม้จะมีโอกาสการเติบโตสูง แต่ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนก็มีความท้าทายจำนวนมากรออยู่เช่นกัน อาทิ การแข่งขันขยายบริการ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า, แนวโน้มประชากรที่ลดลง, แนวคิดการใช้บริการที่เปลี่ยนไปจากการรักษาเป็นการป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้ารับบริการ ฯลฯ ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลเอกชนต่างไปจากเดิม
“สิริพจน์ มาโนช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร พ่วงด้วยตำแหน่ง ทายาท Gen2 ของ บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC ผ่าแผนการปรับโฉมโรงพยาบาลเอกชล เพื่อสร้างการเติบโตในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
ความแตกต่างและจุดเด่นของ “รพ.เอกชล”
ข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้ “รพ.เอกชล” ยังได้รับการไว้วางใจต่อผู้ใช้บริการ คือการให้บริการระดับคุณภาพในราคาที่เหมาะสม โดยเรามีมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา
“เราสามารถรักษาฐานลูกค้าได้ด้วยบริการที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการจากรุ่นสู่รุ่น ตลอดจนผู้ที่ได้เข้ามารับบริการใหม่ ที่สำคัญเราไม่เคยหยุดพัฒนางานบริการ ศึกษาและมองหาพันธมิตรที่เป็นผู้นำในด้านวัตกรรมทางการแพทย์จากต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด ภายในจังหวัดชลบุรีโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล” สิริพจน์ มาโนช ระบุ
แผนการพัฒนาธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโต
แม้จะมีจุดเด่นและได้รับความไว้วางใจมายาวนาน แต่ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดชลบุรีก็มีการแข่งขันค่อนข้างสูง มีโรงพยาบาลชื่อดังกว่า 10 แห่งเข้ามาให้บริการ มีโรงพยาบาลใหม่เปิดเกือบทุกปี ล่าสุดคาดว่าจะมีอีก 2-3 แห่งเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ “เอกชล” ต้องปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยจุดที่ต้องพัฒนาหลักขณะนี้ คือ
- อาคารสถานที่ สิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก เนื่องจากโรงพยาบาลเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2524 บางจุดจึงมีสภาพเก่าหรือทรุดโทรมตามอายุ โดยจะมีการปรับปรุงห้องพักผู้ป่วย, ห้องผ่าตัด (OR), ผู้ป่วยห้องวิกฤติ (ICU)
- ปรับโครงสร้างระบบปฏิบัติการ เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะเป็น Smart Hospital ในอนาคต
- ขยายศักยภาพทางการแพทย์ทั้งในด้านการสรรหาแพทย์เฉพาะทางเพิ่มขึ้น และเครื่องทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปมีเป้าหมายยกระดับความเชี่ยวชาญการแพทย์เฉพาะทาง เพื่อสร้างจุดแข็งที่แตกต่างและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ทั้งนี้จะมีการจัดศูนย์ทางการแพทย์เฉพาะทาง เพื่อขยายศักยภาพการดูแลรักษา ประกอบด้วย กลุ่มแม่และเด็กแบบครบวงจร โดยมีการจัดให้มีหมอเด็ก (กุมารแพทย์) ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง กลุ่มรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อน เช่น โรคระบบประสาท โรคกระดูกและข้อ โรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ
ส่วน “รพ.เอกชล 2″ ที่มุ่งเน้นรับสิทธิประกันสังคมและสิทธิร่วมต่างๆ มีแผนจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางมากขึ้นเช่นกัน เริ่มจากการเปิดให้บริการดูแลกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ (Palliative Care) เพื่อขยายบริการให้สามารถรองรับการรักษาพยาบาลได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งมีแผนลงทุนปรับปรุงด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ห้องพักผู้ป่วยชั้นอื่น ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยตั้งงบประมาณการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาความร่วมมือกับพันธ์มิตรระดับนานาชาติ ในการขยายศักยภาพบริการการแพทย์เฉพาะทาง เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและกลุ่มลูกค้าใหม่ ยกระดับการดูแลรักษา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมให้มีผู้ใช้บริการหลากหลายมากขึ้น และขยายฐานรายได้ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
แตกไลน์สู่การแพทย์ด้านความงาม
ศัลยกรรมความงามถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน โดยเมื่อปี 2566 ได้มีการลงนามความร่วมมือทางการแพทย์ด้านศัลยกรรมความงามกับ “โรงพยาบาลไอดี (ID Hospital)” ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความชำนาญและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งครบวงจร และมีศูนย์ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ Happy Face เพื่อพัฒนาวิธีการผ่าตัดด้วยเทคนิคที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง “รพ.เอกชล” ถือเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ได้ลงนามความร่วมมือทางการแพทย์ด้านการศัลยกรรมตกแต่งกับทาง “ID Hospital” เพื่อให้คนไทยได้รับการดูแลจากผู้ชำนาญการทางการแพทย์ ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นก่อนการผ่าตัด โดยทีมบุคลากรทางการแพทย์ “รพ.เอกชล” จะให้ความรู้การเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด พร้อมดำเนินการจัดทำเอกสารส่งต่อไปรับการผ่าตัดกับทีมแพทย์ผู้ชำนาญการจาก “ID Hospital” จากนั้น “รพ.เอกชล” จะเป็นผู้ดูแล ติดตามอาการ ผู้เข้ารับบริการ หลังการผ่าตัดในประเทศไทย จนเสร็จสิ้นกระบวนการศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อให้ผลลัพธ์ของผู้เข้ารับบริการมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และเป็นที่พึงพอใจมากที่สุด
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการให้คำปรึกษา ให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องช่วยในการตัดสินใจแก่ผู้สนใจในการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งยังวางแผนการตลาดสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย อาทิ คนวัยทำงาน นักศึกษา ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ สร้างการรับรู้เพิ่มขึ้นในวงกว้าง และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้เร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มอัตราการใช้บริการในแผนกอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
เป้าหมายรายได้ปี 67 เติบโตไม่ต่ำ 15%
สำหรับเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,829.16 ล้านบาท และคาดว่าจะมีความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น จากปีก่อนมีอัตรากำไรขั้นต้น 22.88% และ อัตรากำไรสุทธิ 10.32% ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีเงินสดจากการดำเนินงานสูง มีหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.18 เท่า
“เราจะขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการขยายศักยภาพทางการแพทย์ในการรักษาโรคที่ซับซ้อนได้มากขึ้น และเพิ่มความหลากหลายในบริการที่สนับสนุนหรือส่งเสริมด้านสุขภาพตามเทรนด์ที่มีการขยับปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยมุ่งหวังเป็นโรงพยาบาลที่ตอบโจทย์ประเด็นด้านสุขภาพของชาวชลบุรี ทั้งในด้านการรักษาโรคที่คนชลบุรีเป็นหรือพบมาก และในด้านการส่งเสริมป้องกันด้านสุขภาพที่ชาวชลบุรีสนใจ หรือเหมาะสมต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร กล่าวปิดท้าย