ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจหมาล่าในประเทศไทยเติบโตแบบติดเทอร์โบ จากอาหารเฉพาะกลุ่มในย่านคนจีน สู่เมนูยอดฮิตที่คนรุ่นใหม่เลือกเป็นมื้อโปรด โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ไม่ได้เลือกเพียงแค่รสชาติเผ็ดชาลิ้น แต่ยังมองหา ‘’ประสบการณ์ใหม่ๆ’’
ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การกินนอกบ้านในยุคปัจจุบัน
ซึ่งตอนนี้ Business+ ได้รวบร่วมข้อมูลของร้านหมาล่าในไทยพบว่ามี 3 แบรนด์สัญชาติไทยที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่ม Gen Z อย่างชัดเจน โดยมีจุดร่วมที่น่าสนใจ คือราคาจับต้องได้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 200-500 บาท รสชาติจัดจ้านถูกปาก และประสบการณ์ในร้านที่ “แตกต่าง” จากร้านอาหารทั่วไป
มาเริ่มกันที่แบรนด์แรก Chinda Hotpot สุกี้หมาล่าดั้งเดิมที่เคยเป็นดาวรุ่ง
นำเสนอภาพลักษณ์แบบร้านจีนดั้งเดิม ด้วยบรรยากาศอบอุ่นเหมือนนั่งกินข้าวที่บ้าน ใช้โทนสีแดงอ่อน แสงไฟนวล และที่นั่งแบบบาร์สำหรับลูกค้าที่มาเดี่ยว
จุดเด่นของ Chinda Hotpot
– น้ำซุปหมาล่าเข้มข้น
– วัตถุดิบคัดคุณภาพ
– ราคาย่อมเยา เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา
แบรนด์ Chinda Hotpot มีถึง 42 สาขา ทั่วประเทศ โดยมากกว่า 90% เป็นระบบแฟรนไชส์ แต่สิ่งที่เคยเป็นจุดแข็งกลับกลายเป็นข้อจำกัด เพราะรายได้จาก 2 สาขาหลักในปีล่าสุดลดลงจาก 18.7 ล้านบาท เหลือเพียง 8.87 ล้านบาท พร้อมกำไรที่หดเหลือเพียง 293,678 บาท สะท้อนว่าความยั่งยืนอาจไม่ได้มาจากการขยายสาขาอย่างเดียว แต่ต้องมาพร้อมกับการบริหารคุณภาพอย่างใกล้ชิดด้วย
HOTPOTMAN หมาล่าสไตล์บุฟเฟต์ ที่ร้อนแรงทั้งรสชาติและรายได้
HOTPOTMAN คือแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรงสุดในช่วง 2 ปีหลัง เปิดตัวด้วยจุดยืนชัดเจนว่าเป็น หมาล่าสไตล์บุฟเฟต์ สำหรับคนเมืองที่ต้องการประสบการณ์แบบครบเครื่อง
ความโดดเด่นของ HOTPOTMAN
-น้ำซุปหมาล่ารสเข้มข้น
-น้ำจิ้ม DIY ปรุงเองตามใจ
-เมนูครบทั้งของสด ลูกชิ้น ของทอด
-ดีไซน์ร้านโมเดิร์นโทนดำแดงน่านั่ง
-มีที่จอดรถ และที่นั่งรองรับ
แบรนด์นี้ไม่มีระบบแฟรนไชส์ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ดี และนั่นสะท้อนออกมาในตัวเลข รายได้ปีล่าสุดพุ่งทะลุ 244.6 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิ 9.27 ล้านบาท เติบโตแบบไฟลุกไม่แพ้ซุปในหม้อ
ส่วนแบรนด์สุดท้าย Yijia Sukimala หมาล่าสายพานที่ไวรัลได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา
อี้จา สุกี้หมาล่าสายพาน คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่มาแรงในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะบน TikTok ที่ผู้คนแชร์ประสบการณ์กินแบบหยิบเอง ถ่ายเอง รีวิวเอง จนกลายเป็นแบรนด์ที่สร้างการตลาดจาก “ความประทับใจของลูกค้า”
จุดขายหลักของ Yijia Sukimala
-สายพานหมุนหยิบวัตถุดิบได้เอง
-น้ำซุปต้นตำหลับเสฉวนแท้
-น้ำจิ้มสูตรลับเฉพาะ
-ที่นั่งหลากหลาย ทั้งโซฟา โต๊ะกลุ่ม และบาร์เดี่ยว
ผลลัพธ์ของ Yijia Sukimala คือรายได้เพิ่มจาก 5.47 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 14.32 ล้านบาทในปี 2567 กำไรสุทธิอยู่ที่ 414,795 บาท ซึ่งแม้ยังไม่มากเท่าคู่แข่ง แต่สะท้อนพลังของแบรนด์ที่เริ่มต้นจากความเข้าใจผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
จากบทวิเคราะห์ทั้งหมด จะเห็นว่าแบรนด์หมาล่าที่กำลังเติบโตในตลาด Gen Z ไม่ได้อาศัยแค่สูตรซุปที่ดี หรือวัตถุดิบที่หลากหลาย
แต่พวกเขาเข้าใจว่า
ลูกค้ารุ่นใหม่ต้องการประสบการณ์มากกว่ามื้ออาหาร
ทำเลที่ดี + บรรยากาศโดนใจ มีผลต่อการตัดสินใจพอๆ กับรสชาติ
การออกแบบร้านให้ “ถ่ายรูปได้ – แชร์ได้ – ไวรัลได้” ช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนโดยไม่ต้องลงทุนโฆษณา
การควบคุมคุณภาพและไม่ขยายแบบแฟรนไชส์เกินควบคุม คือหัวใจสำคัญของแบรนด์ที่ยืนระยะได้
ร้านไหนที่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ก่อน ย่อมมีโอกาสเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึง ไม่ใช่แค่ในวงการอาหาร…
แต่กลายเป็นแบรนด์ในใจของคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมกลับมาอีกครั้ง และบอกต่ออย่างเต็มใจ
ที่มา : Wongnai, DBD, HOTPOTMAN, Chinda Hotpot, Yijia Sukimala
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS