1:2 Coffee เอาตัวรอดยังไงใน ‘น่านน้ำสีแดง’ จากกำไรหลักแสนสู่ 20 ล้านใน 3 ปี!

ทุกวันนี้เวลาเราเดินไปที่ไหน ก็มักจะเจอกับร้านกาแฟเต็มไปหมด ซึ่งท่ามกลางการแข่งขันที่สูงจนเป็น ‘น่านน้ำสีแดง’ แบบนี้ ก็ไม่แปลกนักที่จะมีร้านกาแฟหลายร้านต้องปิดตัวไป เพราะไม่สามารถแข่งขันกับร้านอื่นได้

อย่างไรก็ตาม มีอยู่ร้านหนึ่งที่สามารถสร้างแบรนด์ให้มีความแตกต่างออกจากคู่แข่ง จนทำให้ทุกวันนี้สามารถขยายสาขาไปมากกว่า 50 สาขา และยังมีรายได้มากถึง 140 ล้านบาท ในปี 2566 ร้านนั้นก็คือ 1:2 Coffee ที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยดี

ร้าน 1:2 Coffee มีต้นกำเนิดมาจากเชียงรายในปี 2561 ภายใต้คอนเซปต์การเป็น Everyday Coffee หรือกาแฟที่ดื่มได้ทุกวัน ดังนั้นกาแฟจะต้องมีรสชาติและคุณภาพที่ดี แต่ราคาไม่แพงจนเกินไปด้วย ซึ่งก็กลายมาเป็นจุดเด่นของทางร้านที่จะขายกาแฟพรีเมียม ในราคาที่จับต้องได้ หลังจากนั้น 3 ปี ซึ่งก็คือปี 2564 ร้าน 1:2 Coffee ก็ได้มาเปิดตัวในกรุงเทพฯเป็นครั้งแรกที่เมืองทองธานี

ก่อนอื่นมาพูดถึงตลาดกาแฟในไทยกันก่อน อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าปัจจุบันมีร้านกาแฟอยู่มากมายในไทย ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีฐานลูกค้าที่ต่างกัน โดยถ้าพูดถึงตลาด Mass เราก็อาจจะนึกถึงแบรนด์เช่น กาแฟพันธุ์ไทยหรือคาเฟ่ อเมซอน ที่ฐานลูกค้ามีความอ่อนไหวเรื่องราคาที่สุด ถ้าเป็นฐานลูกค้า Premium ที่มีความอ่อนไหวในเรื่องของราคาน้อยลง แต่ให้ความสนใจในเรื่องคุณภาพและรสชาติของกาแฟมากขึ้น ในตลาดนี้ก็จะมีผู้เล่นอย่างเช่น Starbucks เป็นต้น

สิ่งที่ร้าน 1:2 Coffee ทำคือการวางโพสิชันตัวเองไว้ระหว่าง 2 ตลาดนี้คือไปเล่นในตลาด Premium Mass โดยการขายกาแฟที่คุณภาพดีในราคาไม่แพง ทำให้ร้านสามารถเอาตัวรอดจากตลาดกาแฟที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดได้ โดยกาแฟของร้าน 1:2 Coffee จะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 60 บาทต่อแก้ว ทำให้ถ้าเทียบกับกาแฟรถเข็นแล้วราคาไม่แตกต่างกันมาก แต่คุณภาพกาแฟร้าน 1:2 Coffee จะสูงกว่าและยังมีมาตรฐานความสะอาดที่ดีกว่า ทำให้เข้าถึงลูกค้าที่กำลังซื้อต่ำและลูกค้าประเภทพนักงานออฟฟิศได้ง่าย

ส่วนด้านการส่งเสริมคุณภาพกาแฟนั้น ทางร้านก็ได้มีการนำเสนอเมนูกาแฟที่หลากหลาย และให้ลูกค้าสามารถเลือกระดับการคั่วเมล็ดกาแฟที่แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถกำหนดรสชาติกาแฟตัวเองได้เองระดับหนึ่ง อีกทั้งร้านยังใช้เครื่องชงกาแฟระดับไฮเอนด์และไม่ขยายร้านผ่านการใช้ระบบแฟรนไชส์ แต่มาบริหารเองทุกร้าน เพื่อสามารถเสิร์ฟกาแฟที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและรสชาติเหมือนเดิม โดยความพิถีพิถันในด้านคุณภาพกาแฟของร้านนั้นก็สะท้อนให้เห็นได้จากชื่อของทางร้าน ที่มาจากอัตราส่วนการสกัดกาแฟเอสเปรสโซ

ด้วยปัจจัยข้างต้นนี้เอง ร้าน 1:2 Coffee จึงได้เข้าไปครองใจกลุ่มลูกค้าคอกาแฟได้ สะท้อนให้เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

บริษัท หนึ่งต่อสอง จำกัด เจ้าของร้าน 1:2 Coffee

ปี 2566 รายได้ 141 ล้านบาท กำไร 19.5 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้ 28 ล้านบาท กำไร 4 แสนบาท

ปี 2564 รายได้ 4 ล้านบาท กำไร 2 แสนบาท

จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่มาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังสามารถขยายสาขาไปได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน 1:2 Coffee มีทั้งหมดมากกว่า 50 สาขา ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมให้ทางร้านขายดี ก็มาจากทำเลที่ตั้ง เพราะถ้าสังเกตกัน ร้านกาแฟ 1:2 Coffee จะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับออฟฟิศและอาคารสำนักงานเสมอ ทำให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อกาแฟอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าการขยายร้านแต่ละครั้งนั้น จะผ่านการศึกษาศักยภาพของทำเลมาอย่างดีอยู่เสมอ

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนน่าจะสงสัยว่าทางร้านมีกลยุทธ์ในการควบคุมต้นทุนอย่างไร จากการเป็นร้านขายกาแฟพรีเมียมราคาไม่แพง ซึ่งน่าจะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ถ้าเราลองคำนวณอัตรากำไรสุทธิก็จะพบว่า อัตรากำไรสุทธิกระโดดมาอยู่ที่ 13.9% ในปี 2566 จากที่อยู่ที่ประมาณ 1-3% ในช่วงสองปีก่อนหน้า ทำให้ตีความได้ว่าพอร้านสามารถขยายไปได้หลายสาขามากขึ้นก็ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด หรือ Economies of Scale ทำให้มีต้นทุนต่อหน่วยลดลง

นอกจากนี้ เวลาเราเดินผ่านหน้าร้าน ถ้าเราสังเกตดี ๆ การจัดหน้าร้านและขนาดพื้นที่ร้าน 1:2 Coffee หลาย ๆ สาขาจะไม่เอื้ออำนวยให้ลูกค้าสามารถนั่งได้นาน ๆ นัก ซึ่งจะแตกต่างกับร้านกาแฟหลายร้านที่ตั้งใจจัดและตกแต่งร้านให้น่านั่ง เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า แต่ก็จะเจอปัญหาลูกค้าที่ซื้อแล้วนั่งแช่ทั้งวัน จนทำให้ร้านค้าเสียโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติม

เมื่อบรรยากาศอะไรต่าง ๆ ในร้าน 1:2 Coffee ไม่ได้ส่งเสริมให้ลูกค้านั่งนาน ๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมาเพื่อซื้อกาแฟโดยเฉพาะเท่านั้น หรือไม่ก็ซื้อแล้วนั่งดื่มสักพักแล้วออกจากร้านไป ทำให้ร้านสามารถรับลูกค้าต่อรอบได้มากขึ้น

อีกทั้งการที่ไม่เน้นดึงดูดลูกค้าให้มานั่งนาน ๆ ก็ทำให้ทางร้านไม่จำเป็นต้องเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่และตกแต่งร้านมากจนเกินไป ซึ่งก็เป็นการประหยัดงบประมาณไปในตัว ทำให้การขยายสาขาแต่ละครั้งไม่ได้ใช้เงินทุนมากนัก จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ทางร้านจะสามารถขยายสาขาออกไปได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี

การเดินทางของร้าน 1:2 Coffee ก็น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับคนทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าตลาดสินค้าจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดแค่ไหน แต่ถ้าเราสามารถหาโพสิชันที่ยังมีผู้เล่นไม่มากนัก เราก็อาจจะสามารถประสบความสำเร็จได้

ที่มา: 1:2 Coffee, Worldwide coffee, กรมธุรกิจการค้า, ปันโปร

ผู้เขียนและเรียบเรียง: พรบวร จิรภัทร์วงศ์

#businessplus
#ธุรกิจ
#onetotwocoffee