จากข้อมูลที่ Business+ เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ “5 บริษัทต่างชาติที่คนรุ่นใหม่ในไทยอยากทำงานด้วยมากที่สุด”ในครั้งนี้ เราจึงขยับมาสำรวจมุมมองภายในประเทศกันบ้าง กับ การจัดอันดับบริษัทสัญชาติไทย ที่กำลังเป็นที่นิยมในสายตาคนรุ่นใหม่
เพราะในปัจจุบันงานที่ดี…ไม่ได้หมายถึงแค่เงินเดือนสูง แต่คือการมี “ความหมาย” ความสุข และการได้มีชีวิตอยู่ในที่ทำงานอย่างแท้จริง
ในยุคที่คนรุ่นใหม่ไม่ได้เลือกงานจากแค่ค่าตอบแทนหรือชื่อเสียงขององค์กรอีกต่อไป แต่เลือกจาก “คุณภาพชีวิต” ที่องค์กรนั้นมอบให้ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต สุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ ความมั่นคงทางการเงิน ไปจนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เข้าใจและเคารพตัวตนของพนักงาน พวกเขามองหาองค์กรที่ไม่เพียงแค่ให้โตในหน้าที่การงาน แต่ต้องเติบโตในชีวิตไปพร้อมกัน
ล่าสุด Business+ ได้อ้างอิงข้อมูลจากการจัดอันดับ Top 50 Companies in Thailand 2025 โดย WorkVenture ซึ่งเผยให้เห็นว่า 10 บริษัทสัญชาติไทยที่คนรุ่นใหม่โหวตให้เป็นองค์กรในฝันนั้น ไม่ได้เพียงเสนอ “งานที่มั่นคง” แต่เสนอ “ชีวิตที่มีคุณค่า” อย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดที่ยึดพนักงานเป็นศูนย์กลาง และออกแบบสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้ตอบโจทย์ทั้งปัจจุบันและอนาคต
หากคุณสนใจจะเปรียบเทียบกับฝั่งบริษัทข้ามชาติBusiness+ เคยนำเสนอเนื้อหาและวิเคราะห์ไว้ในหัวข้อ “ทำไม 5 บริษัทต่างชาติที่คนรุ่นใหม่ในไทยอยากทำงานด้วยมากที่สุด” สามารถอ่านบทความและรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่:
Website: https://www.thebusinessplus.com/welfare/
TikTok: https://vt.tiktok.com/ZSSJbBt14/
Facebook: https://www.facebook.com/share/p/1JEdAz76PP/
ดังนั้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 10 บริษัทไทยที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ปี 2025 พร้อมถอดรหัสคำว่า “องค์กรในฝัน” ว่าทำไมพวกเขาถึงถูกยกให้เป็นบริษัทที่ “น่าอยู่” ไม่ใช่แค่ “น่าทำงาน” และกลายเป็นเป้าหมายที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในยุคนี้
1.SCG
เอสซีจี ไม่ได้มีดีแค่คุณภาพสินค้าด้านวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ตราช้าง, กระเบื้อง COTTO, SCG Home และ SCG Packaging แต่ยังเป็นผู้นำในการดูแลพนักงานในทุกมิติ ตั้งแต่การกำหนดเวลาเข้างานที่ยืดหยุ่น ระบบการทำงานทั้ง On-site และ Work-from-home การลาที่หลากหลายตั้งแต่ลาคลอด ลากิจ ลาเพื่อดูแลครอบครัว ไปจนถึงลาเพื่อผ่าตัดแปลงเพศ นอกจากนี้ยังมีการดูแลสุขภาพจิตด้วยระบบ Doctor Anywhere และกิจกรรม Mental Wellness ที่ส่งเสริมความสมดุลในชีวิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องให้นม ฟิตเนส สนามกีฬา รวมถึงการดูแลหลังเกษียณ SCG จึงกลายเป็นองค์กรที่เข้าใจคนทำงานทุกเจเนอเรชันอย่างแท้จริง
2.PTT
ปตท. ไม่ได้มีแค่พลังงานจากธุรกิจน้ำมัน PTT, ปั๊มปตท., Café Amazon, EV Station PluZ และ OR (PTTOR) แต่ยังเติมพลังให้พนักงานด้วยนโยบาย Work from Anywhere ชั่วโมงงานยืดหยุ่น และสวัสดิการแบบ Flexi Benefit ที่ให้พนักงานเลือกสิทธิประโยชน์ตามใจตัวเอง ตั้งแต่ค่าเรียนรู้ อาหารสุขภาพ ไปจนถึงค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ยังดูแลครอบครัวพนักงานทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา และมีทุนเรียนต่อ พร้อมศูนย์สุขภาพ ฟิตเนส และบริการจิตแพทย์ ที่พร้อมดูแลแบบ 360 องศา เรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่ดูแลทั้งพนักงานและครอบครัวได้แบบไร้รอยต่อ
3.Bangchak
แม้อยู่ในอุตสาหกรรมที่แข็งแรงจากธุรกิจสถานีบริการน้ำมันบางจาก และพลังงานสะอาดอย่าง BCPG และ InnoPower แต่บางจากกลับมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนต่อพนักงานอย่างมาก ด้วยสวัสดิการที่ตอบโจทย์ครอบครัว เช่น ลาคลอดทั้งพ่อและแม่ ลาผ่าตัดทำหมัน เงินช่วยเหลือบุตร ค่ารักษาพยาบาลของบิดามารดา ไปจนถึงการจัดพื้นที่ Co-working space ที่มีเครื่องนวดให้พักผ่อนระหว่างวัน อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นเรื่องการเข้าออฟฟิศเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ ช่วยให้พนักงานมีสมดุลชีวิตที่ดีกว่าเดิม
4.BJC
BJC ซึ่งอยู่เบื้องหลังแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง Big C, Tasto, Dentiste, Vixol และ BG Container Glass เข้าใจความสำคัญของชีวิตพนักงาน ทั้งเรื่องการทำงาน การเงิน และครอบครัว ด้วยสวัสดิการวันหยุดสูงสุด 25 วันต่อปี โบนัสประจำปี เบี้ยขยัน ทุนการศึกษาบุตร สิทธิรักษาพยาบาลบิดามารดา และนโยบาย Work from Anywhere ทุกวันศุกร์ ที่อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานทุกระดับ นอกจากนี้ออฟฟิศใหม่ยังเดินทางสะดวก ใกล้ BTS พร้อมมี Shuttle Bus รับส่ง เรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นในทุกมิติ
5.SCBX Group
ในกลุ่มธนาคาร SCBX ซึ่งดูแลแบรนด์ SCB, Robinhood, CardX, InnovestX และ SCB TechX โดดเด่นด้วยการให้พนักงานเลือกได้ทั้งสถานที่ทำงาน เวลาทำงาน และสวัสดิการผ่าน Flexible Benefit ที่สามารถเลือกซื้อประกัน อุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือสปาได้ตามใจ พร้อมกับวันหยุดวันเกิด และศูนย์ดูแลเด็กในที่ทำงาน รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่พนักงานเป็นเจ้าของได้ทันทีตั้งแต่ผ่านโปร ทำให้ SCBX เป็นธนาคารที่ทันสมัยที่สุดในด้านการดูแลชีวิตคนทำงาน
6.ThaiBev
ไทยเบฟ ผู้ผลิตเบียร์ช้าง, Oishi, F&N, น้ำดื่ม Crystal และ Sermsuk (Est) แสดงออกถึงความใส่ใจพนักงานผ่านสวัสดิการที่ครอบคลุม เช่น ลาคลอด 100 วันสำหรับผู้หญิง และลาพ่อ 6 วันสำหรับผู้ชาย ห้องให้นม สนามเด็กเล่นในโรงงาน การรักษาพยาบาล Telemedicine ประกันสุขภาพ และบริการคลินิกในที่ทำงาน พร้อมมอบทุนการศึกษาลูกพนักงานปีละกว่าพันทุน และปรับพื้นที่ทำงานให้คนพิการสามารถร่วมงานได้ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเป็นบ้านหลังที่สองของใครหลายคน
7.KasikornBank
กสิกรไทย หรือ KBank ที่หลายคนรู้จักในฐานะเจ้าของแอป K PLUS, K Cyber และกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง KBTG ให้พนักงานบริหารเวลาทำงานเองผ่านระบบ Hybrid และ Work from Anywhere พร้อมเงินช่วยเหลือพิเศษ ค่าครองชีพ 10,000 บาท และสิทธิ์กู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อบ้าน รวมถึงเงินช่วยเหลือค่าเล่าเรียนบุตร และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตผ่านแอป HR Chat อีกทั้งยังมีระบบการฝึกอบรมออนไลน์ และโอกาสเติบโตในสายงานที่ชัดเจน ถือเป็นธนาคารที่ทั้งทันสมัยและเห็นค่าพนักงานอย่างแท้จริง
8.KhotKool
KhotKool บริษัทคอนเทนต์สุดฮิตที่ผลิตรายการไวรัลมากมาย เช่น “จีบหนูหน่อย” และ “โต้วาเทย” โดนใจพนักงานด้วยบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่น มีข้าวกลางวันฟรี ขนมฟรี ห้องงีบ ห้องเกม โต๊ะพูล และยังมีงบสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับทำงาน รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานสร้างรายการของตัวเอง เรียกได้ว่า “ทำงานแบบมีชีวิต” อย่างแท้จริงในโลกของครีเอเตอร์
9.LINE MAN Wongnai
LINE MAN Wongnai ผู้อยู่เบื้องหลังแอปส่งอาหารและรีวิวร้านอาหารชื่อดัง เช่น LINE MAN, Wongnai, Mart & Rider เข้าใจชีวิตคนทำงานโดยให้ MacBook ทุกคน วงเงิน 30,000 บาทต่อปีให้เบิกตามไลฟ์สไตล์ มี Nap Room ให้งีบ อาหารฟรี ระบบให้คำปรึกษาสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยา พร้อมสนับสนุนค่าไฟช่วง WFH และเน้นผลลัพธ์มากกว่าการควบคุมเวลาแบบองค์กรยุคเก่า ถือเป็นบริษัทที่ยกระดับความสุขของคนทำงานไปอีกขั้น
10.AIS
AIS ผู้นำด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมของไทย เจ้าของบริการที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง AIS 5G, AIS Fibre, myAIS และ Serenade เป็นบริษัทที่มีกำไรสูงกว่า 35,000 ล้านบาท และโดดเด่นด้านการดูแลพนักงานแบบองค์รวมผ่านโครงการ Health & Wellness ที่ครอบคลุมสุขภาพกาย จิตใจ และการเงิน พร้อมสวัสดิการครบถ้วน เช่น ประกันชีวิตตั้งแต่วันแรก เงินช่วยเหลือหลากหลายกรณี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สหกรณ์ออมทรัพย์ และสิทธิ์ซื้อโทรศัพท์-แพ็กเกจในราคาพนักงาน ทำให้เป็นองค์กรที่สร้างทั้งความมั่นคงและความสุขในระยะยาว จนได้รับความนิยมสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาองค์กรที่ใส่ใจคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง
จาก 10 องค์กรที่กล่าวมา สิ่งหนึ่งที่ทุกแห่งมีเหมือนกันคือความเข้าใจใน “คน” มากกว่าแค่ “พนักงาน” องค์กรเหล่านี้รู้ดีว่า “คุณค่าของคน” ไม่ได้วัดแค่ผลงาน แต่ต้องดูแลให้พวกเขามีชีวิตที่ดี ทั้งในและนอกที่ทำงาน เพราะเมื่อพนักงานมีความสุข พวกเขาจะมอบผลงานที่ดีที่สุดให้กลับสู่องค์กรเช่นกัน และในอนาคตอันใกล้ องค์กรที่ยังยึดติดกับระบบแบบเดิมโดยไม่ปรับตัวอาจกลายเป็นผู้แพ้ในสงครามดึงดูด Talent ยุคใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตไม่แพ้คุณภาพของงาน ดังนั้น อนาคตของการบริหารคน อาจไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งสูงสุด แต่อยู่ที่ว่า “คุณสร้างพื้นที่ให้พวกเขาเติบโตได้แค่ไหน”
ที่มา: WorkVenture,SET,DBD,เว็บไซต์บริษัท,TikTok
ผู้เขียนและเรียบเรียง : สถาปัตย์ มะดวง
#BusinessPlus
#ธุรกิจ
#สวัสดิการ
#TOPcompanies