โคคา-โคลา ปรับสูตรผลิตภัณฑ์และขยายพอร์ตโฟลิโอ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์ที่เปลี่ยนไป
เมื่อพูดถึงตลาดเครื่องดื่มแล้ว ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและมูฟเม้นต์ที่สำคัญหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการผลิตเครื่องดื่มที่เน้นไปทางสุขภาพมากขึ้น หรือแม้แต่การเอานวัตกรรมเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์และเป็นจุดขายหลัก
สาเหตุหลักของมูฟเม้นต์นี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้บริโภคและกะแสโลกต่างโน้มเอนไปในเรื่องของการรักษาสุขภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์และเครื่องดื่มที่ผู้บริโภคเล็งเห็นแล้วว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่ผู้บริโภคปฏิเสธ
เมื่อมองในภาพใหญ่จะเห็นว่า ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคประเทศไทย สินค้าในกลุ่ม “เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์” (Non-Alcohol Beverage)ประกอบด้วยน้ำดื่ม, เครื่องดื่มอัดลม, ชาพร้อมดื่ม, นม, นมถั่วเหลือง, น้ำผลไม้, โยเกิร์ตพร้อมดื่ม, เครื่องดื่มชูกำลัง และสปอร์ต ดริ้งค์ เป็นหนึ่งในตลาดที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆโดยมีมูลค่าสูงถึง 203,300 ล้านบาทและเติบโตในอัตรา 4 – 5% ต่อปี
โดยเครื่องดื่ม น้ำอัดลม น้ำดื่ม และน้ำผักผลไม้ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมใน 3 อันดับแรก โดย นำอัดลมเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุดถึง 51,000 ล้านบาท รองลงมาคือตลาดน้ำดื่มที่มีมูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท และสุดท้ายคือ
น้ำผลไม้พร้อมดื่ม มูลค่า 14,000 ล้านบาท ที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตาจากเทรนด์สุขภาพที่ถูกพูดถึงในขณะนี้
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า เทรนด์รักสุขภาพ กำลังมาแรงและกลายเป็นกะแสโลกไปแล้ว นั่นหมายความว่า ตลาดน้ำดื่มและน้ำผลไม้พร้อมดื่ม ท็อปอันดับ 2และอันดับ3 มีโอกาสเติบโตและมีมูลค่ามหาศาลในอนาคตอันใกล้ ในขณะที่ท็อปอันดับ 1 อย่างน้ำอัดลมกำลังตกที่นั่งลำบาก และถูกตั้งคำถามถึงคุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะในส่วนประกอบหลักของเครื่องดื่มประเภทนี้มีน้ำตาลและการแต่งสีในปริมาณมากเป็นหลัก
ซึ่งที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมเองก็มีการปรับตัวให้สอดรับเทรนด์นี้มากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือน้ำอัดลม Diet Category ที่ลงตลาดมากว่า 10 ปี แต่เป็นที่น่าสนใจว่าตลาดนี้กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรและมีสัดส่วนเพียงแค่ 5% ของมูลค่าตลาดรวมน้ำอัดลมในประเทศไทย สวนทางกับฝั่ง ยุโรป อเมริกาที่น้ำอัดลมชนิด Diet มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้น การเจาะตลาดเพื่อสุขภาพจึงเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายเลยสำหรับผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่เบอร์ 1 ของตลาดอย่าง โคคา-โคลา ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 51%
ซึ่งล่าสุด โคคา-โคลา ได้แต่งตั้ง เจมส์ ควินซี่ย์ ขึ้นเป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดอะโคคา-โคลา คัมปะนี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานเจมส์ ควินซี่ย์ ก็ได้ประกาศ กลยุทธืระดับโลกล่าสุดของโคคา-โคลา ที่ตั้งเป้าเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มเต็มรูปแบบ โดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งหลังจากนี้ โคคา-โคลา จะเริ่มปรับสูตรผลิตภัณฑ์ด้วยการเพิ่มนวัตกรรมด้วยการปรับสูตรเครื่องดื่มใหม่ๆเข้ามาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์ที่เปลี่ยนไปและเทรนด์รักสุขภาพ
รวมไปถึงการจัดระบบภายใน และกระตุ้นให้พนักงานปรับความคิดและแนวทางการทำงานใหม่ โดยรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและผู้บริโภค แล้วปรับตัวตาม เพื่อรักษาการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค และผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน
ซึ่งเจมส์ ควินซี่ย์ ได้ขยายความกลยุทธิ์ดังกล่าวในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย หลังเข้ารับตำแหน่ง ว่า โคคา-โคล่าได้ดำเนินธุรกิจมากว่า131 ปี และขยายไปยัง200 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โคคา-โคล่าเองก็มองเป็นโอกาสดีในการปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของผู้นำตลาด ภายใต้กลยุทธ์ที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางนี้ทำให้ โคคา-โคลาได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล พร้อมกับขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เล็กลงในตลาดทั่วโลก เพื่อคงการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ผ่านการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และส่งเสริมการบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะกับทุกคน
สำหรับแผนหลักภายใต้กลยุทธ์นี้ โคคา-โคลาได้เริ่มปรับสูตรในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกว่า 500 ชนิดทั่วโลก โดยที่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติที่ผู้บริโภคชื่นชอบ ล่าสุดในประเทศไทย ได้เปิดตัวโค้ก ซีโร่ ชูการ์ ที่แม้ไม่มีน้ำตาล แต่รสชาติเหมือนโค้กสูตรดั้งเดิมที่เป็นที่นิยมคนไทย ถือเป็นข้อพิสูจน์ของการพัฒนาด้านนวัตกรรม
โดยประเทศไทยและตลาดอาเซียนยังคงครองการเป็นหนึ่งในตลาดหลักของโคคา-โคลาทั่วโลก ด้วยปัจจัยบวกต่างๆ อาทิ กลุ่มชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตของตัวเลขจีดีพี ส่วนธุรกิจในประเทศไทย โคคา-โคลายังคงดำเนินการภายใต้ กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย อันประกอบด้วย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ และสองพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายมายาวนานอย่าง บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้งสองเจ้าตลาดน้ำดื่มในไทยต่างก็มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้พันธมิตรทุกรายในห่วงโซ่คุณค่า
“ในฐานะผู้นำในตลาด เรามีพันธกิจที่ต้องตอบสนองผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริง เราเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์ด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ของทีมงานที่พัฒนาออกมาเป็นพอร์ตโฟลิโอใหม่นี้ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในขนาดบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้โคคา-โคลาเดินหน้าต่อไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ และครองการเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยและทั่วโลกต่อไป” มร. เจมส์ ควินซี่ย์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดอะโคคา-โคลา คัมปะนี กล่าวปิดท้าย