เอไอ

นักจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมบทบาทใหม่ของ เอไอ และเทคโนโลยีเกิดใหม่

เอไอ หรือ ปัญญาประดิษฐ์  ( Artificial Intelligence :Ai )  ในยุคที่โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ไม่เพียงถูกนำมาใช้ในเชิงพัฒนาธุรกิจเท่านั้น แต่ปัจุบันเทคโนโลยีที่ว่านี้ กำลังถูกนำมาใช้ทั้งในอุตสาหกรรมการเกษตร ทรัพยากรน้ำ พลังงาน และการขนส่ง อีกทั้งช่วยจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างมีนัยสำคัญ

เอไอ ยุคใหม่แค่เก่งยังไม่พอ ต้องเป็นคนดีด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การเจริญเติบโตของเมืองให้เจริญและการพัฒนาทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การแข่งขันทางเศรษฐกิจมีน้ำหนักมากกว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในหลาย ๆ กรณี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ในทุกเซคเตอร์ที่เกิดการพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติมักถูกนำมาใช้อย่างไม่ยั่งยืน ในขณะที่บางส่วนได้รับผลกระทบและถูกทำลายลง จนเกิดเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สร้างผลกระทบไปทั่วโลกในปัจุบัน

 

เอไอ

แน่นอนว่า การแก้ไขต้องเริ่มต้นจากตัวบุคคล รวมไปถึงทุกภาคส่วนของสังคมที่ต้องประสานความร่วมมือ ปลูกจิตสำนึก และสร้างองค์ความรู้ เพื่อขับเคลื่อนสังคมสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอย่าง Ai ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครื่องมือในการเติบโตทางเศรษฐกิจ กำลังเข้ามามีบทบาทในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยดันจีดีพีโลกให้สูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ และจะสร้างงานมากถึง 38 ล้านงานภายในปี 73

 

ทั้งนี้ PwC ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงาน  How AI can enable a sustainable future ในประเด็นการที่ Ai เข้ามาช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต และลดการปล่อยก๊าซที่เป็นมลพิษในปัจจุบันจนถึงปี 2573 ที่น่าสนใจว่า ศักยภาพของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai นั้นมีมากมายมหาศาล โดยมีการนำ Ai มาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อนำไปสู่การจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กริด หรือสายส่งพลังงานสะอาดแบบกระจายที่ขับเลื่อนด้วย Ai การทำเกษตรอัจฉริยะ การจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบยั่งยืน การติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการบังคับใช้ รวมไปถึงการพยากรณ์อากาศและภัยพิบัติ รวมทั้งแนวทางการตอบสนอง ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างแค่บางส่วนของการนำเอไอมาใช้

 

ทั้งนี้ การศึกษานี้ได้จำลองเหตุการณ์ของการประยุกต์ใช้ Ai ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย การเกษตร การขนส่ง พลังงาน และทรัพยากรน้ำ โดยได้คาดการณ์ว่า การประยุกต์ใช้ Ai เพื่อสิ่งแวดล้อมใน 4 อุตสาหกรรมนี้ จะสามารถช่วยผลักดันให้มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของโลก สูงขึ้นได้ถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 159 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินธุรกิจตามปกติ

 

เอไอ

ในขณะเดียวกันคาดว่า Ai จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั่วโลกได้ 4% ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับ 2.4 Gt CO2e (เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายปีของออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่นรวมกัน ภายในปี 2573)

 

นอกจากนี้ยังคาดว่า ภายในปี 2573 Ai จะช่วยสร้างงานใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจโลกได้ถึง 38.2 ล้านตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาชีพงานที่ต้องใช้ทักษะทางด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก

 

ทั้งนี้ หากพิจารณาในระดับทวีปจะพบว่า ภายในปี 2573  Ai จะมีศักยภาพในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทวีปอเมริกาเหนือได้มากที่สุด (-6.1%) ตามมาด้วยทวีปยุโรป (-4.9%) ขณะเดียวกัน Ai จะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นมากที่สุดในทวีปยุโรป (+5.4%) แต่ในทางตรงกันข้าม ทวีปละตินอเมริกาและภูมิภาคที่มีพื้นที่อยู่ในทวีปแอฟริกา และอยู่ใต้ทะเลทรายซาฮารา จะเป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากศักยภาพของ Ai น้อยที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม Ai จะถูกนำมาใช้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ ก็ต่อเมื่อมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล เพื่อสร้างความสามารถในการเติบโตแบบก้าวกระโดดทัดเทียมประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น ไม่เพียงแต่มูลค่าทางเศรษฐกิจเท่านั้น สิ่งที่จะตามมาคือ การได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายที่สุด ผ่านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดในโลกนั่นเอง

 

นอกจากนี้ การนำ Ai เข้ามาประยุกต์ใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานและขนส่ง ยังจะส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด เพราะศักยภาพของ Ai จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการใช้พลังงาน ระบบออโตเมชันของงานที่ทำด้วยมือ หรืองานที่ทำเป็นประจำ และที่สำคัญ ลดการปล่อยพลังงานต่อหน่วยจีดีพีได้ถึง 6-8% ภายในปี 2573 เมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินธุรกิจตามปกติ

 

ในขณะที่การฟื้นฟูสุขภาพ Ai ยังสามารถสร้างระบบเตือนภัยมลพิษทางอากาศที่มีความแม่นยำและเป็นภาษาท้องถิ่น ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกได้ถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 7.3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้สุขภาพของมนุษย์โดยรวมดีขึ้น

เอไอ

นอกจากนี้ ประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพน้ำ มลพิษทางอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า การเสื่อมโทรมของที่ดิน และความหลากหลายทางชีวภาพ ก็สามารถทำได้ผ่านการมีระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีฐานข้อมูลที่เจาะลึก เช่น การใช้ข้อมูลผ่านดาวเทียม และเซ็นเซอร์จากฐานปฏิบัติการภาคพื้นดิน เพื่อเฝ้าระวังสถานภาพของป่าแบบเรียลไทม์และตามขนาดจริง ซึ่งจะช่วยให้ระบบสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยเมื่อมีเหตุการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยปกป้องป่าได้ถึง 32 ล้านเฮกเตอร์ ภายในปี 2573

 

อย่างไรก็ดี รายงานเตือนด้วยว่า แม้ Ai จะมีศักยภาพในการช่วยบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีความเสี่ยงจากการประยุกต์ใช้ โดยสามารถทำให้ภัยคุกคามที่อาจจะมีอยู่แล้ว ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หรืออาจสร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ ได้ เช่น ความเสี่ยงจากการใช้งาน Ai ที่เชื่อมโยงกับอคติและการควบคุม ที่อาจส่งผลต่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

 

นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคที่สำคัญและขยายตัวเป็นวงกว้างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ ที่ผู้ประกอบการต้องตระหนักเพื่อให้สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของ Ai ออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่

 

ทั้งนี้ วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวสรุปว่า กระแสของนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง โดยหลายองค์กรทั่วโลกมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดและแก้ปัญหาทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ในส่วนของประเทศไทยเอง จะเห็นว่ามีบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรมที่นำนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้กับสินค้าหรือบริการของตน เพื่อลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม

 

เช่น บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเล ที่มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยควบคุมปริมาณและชนิดของปลาที่ถูกจับ ป้องกันปัญหาปลาบางชนิดสูญพันธุ์ หรือบริษัทที่พัฒนาโถสุขภัณฑ์ที่มีระบบการบำบัดของเสียก่อนไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการดำเนินธุรกิจตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน เรายังเชื่อว่าในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า จะยิ่งมีผู้ประกอบการอีกมากที่หันมาใช้ Ai และเทคโนโลยีเกิดใหม่ประเภทอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น B+

 


ส่วนขยาย
* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: กฤษฎาพร วงศ์ชัย (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่

ประกันภัยไทยวิวัฒน์