สัมผัสมหัศจรรย์แห่งทุ่งน้ำแข็ง หิมะ และน้ำพุร้อน ที่ไอซ์แลนด์ EP.2

ครั้งที่แล้วเราพาไปชมความงานของไอซ์แลนด์เมืองแห่งหิมะและน้ำพุร้อนกันแล้ว ครั้งนี้เราจะพาไปชมความสวยงานกันต่อที่ อุทยานแห่งชาติวัตนาโจคุล (Vatnajokull National Park) ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เพราะรวมพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสกาฟทาเฟล (Skaftafell National Park) และอุทยานแห่งชาติโจกุลซาร์ฟูร์เข้าด้วยกัน

และไฮไลต์สำคัญคือ กลาเซียร์ ธารน้ำแข็งมหึมานั่นเอง เราใช้เวลาทำกิจกรรมในการเดินบนกลาเซียร์ ทั้งหมดราว ๆ 3 ชั่วโมง แม้จะเหนื่อยและกินเวลาไปมากแต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี และน่าประทับใจ ส่วนช่วงค่ำถ้าฟ้าเปิดยังมีโอกาสได้ตั้งกล้องชมวิว ส่องแสงเหนือบริเวณกลาเซียร์ได้ทั้งคืนอีกด้วย

กิจกรรมวันต่อมาคือ การถ่ายภาพสวยๆ ที่กลาเซียร์ ลากูน หรือก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่ที่ล่องลอยอยู่ในทะเลสาบกินพื้นที่เป็นวงกว้าง เราใช้เวลาเดินชมความงามและสัมผัสก้อนน้ำแข็งที่มีรูปทรงแปลกประหลาดไม่ซ้ำกันอย่างใกล้ชิด ส่วนตามหาดทรายสีดำสนิทอันเลื่องชื่อเองก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เรียงรายกันอยู่ตลอดแนวเกิดเป็นภาพตัดสลับขาวดำสวยงาม

ช่วงเวลาไฮไลต์ของวันที่เราจะได้เที่ยวชมถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าสดใส หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของไอซ์แลนด์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ของทุกปี ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง กว่าจะเดินทั่วและออกมาข้างนอกได้ก็เข้าสู่ช่วงเย็นของวัน ไกด์จึงพาเราเดินทางไปเที่ยวเมืองวิก เพื่อขึ้นเขาไปเก็บภาพมุมสูง ซึ่งมุมมองจากมุมนี้เราสามารถมองเห็นโบสถ์ประจำเมืองวิกที่ตั้งโดดเด่นบนยอดเขา และมองเห็นหาดทรายสีดำยาวสุดลูกหูลูกตา

 

วันถัดมาก็ยังคงอยู่กันที่ กลาเซียร์ โดยวันนี้เป็นคิวของ Eyjafjallajökull จุดหมายยอดนิยมทางภาคใต้ของไอซ์แลนด์ เพื่อเดินเล่นบนหาดทรายสีดำสนิทที่เกิดจากเถ้าถ่านของภูเขาไฟ แถมมีบางช่วงมีแท่งหินบะซอลต์ที่เรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อยโผล่มาทักทายเป็นระยะ

 

เดินทางกลับเข้าสู่เมืองหลวงเรคยาวิก เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศมาชมความงดงามของฝั่งเมืองกันบ้าง เริ่มกันที่ บลูลากูน (Blue lagoon) สปาน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สถานที่ที่หากไม่ได้มาเยือนก็เหมือนมาไม่ถึงไอซ์แลนด์ บลูลากูนตั้งอยู่ในแอ่งลาวา ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากเครื่องกังหันผลิตกระแสไฟฟ้าที่อยู่ติดกัน โดยใช้พลังงานไอน้ำร้อนจากใต้ดินมาปั่นกระแสไฟฟ้า น้ำร้อนที่ผ่านการผลิตกระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าสู่ทะเลสาบโดยอุณหภูมิจะลดลงกลายเป็นน้ำอุ่นที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุเชื่อว่าสามารถรักษาโรคผิวหนังได้ โดยอุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส ก่อนจะลงไปแช่น้ำร้อนนักท่องเที่ยวทุกคนต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม และร้านขายสินค้าที่ระลึกนานาชนิด เปิดให้บริการตลอดทั้งปี

หลังจากแช่น้ำร้อน ๆ ให้ผ่อนคลายหลังจากร่างกายปะทะความหนาวเย็นมาหลายวันจนรู้สึกผ่อนคลาย หายเหนื่อยล้าแล้ว ช่วงบ่ายก็เดินทางสั้น ๆ ไปยังโบสถ์ฮัลกริมสเคียร์ค่า เพื่อขึ้นลิฟท์โดยสารไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวเรคยาวิกในมุมสูง โบสถ์แห่งนี้มีความสำคัญในฐานะเป็นศาสนสถานที่สำคัญของคริสต์ลูเธอรัน มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุดในประเทศ โดยชื่อของโบสถ์ตั้งตามชื่อกวีและนักบวช ฮัลกริมูร์ เพทูร์สัน (Hallgrímur Pétursson เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ มองจากด้านหน้าตรงดูคล้ายยานอาวกาศ ด้านหน้าโบสถ์มีอนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน (Leifr Eiriksson) มือถือขวานและหนังสือ เป็นสัญลักษณ์ของการผจญภัย

 

ต่อจากนั้นเข้าชม Harpa Reykjavik คอนเสิร์ตฮอลล์แห่งใหม่ที่สวยงามแบบสมัยใหม่สร้างด้วยกระจก ออกแบบตามรูปทรงของหินบะซอลต์ เป็นสถาปัตยกรรมที่โมเดิร์นทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะภายในจะมีนกที่ทำจากแก้วประดับห้อยบนเพดาน โดยมีวิวของเกาะเอนเกย์ (Engey) เกาะและภูเขาวิเดย์ (Viðey) และภูเขาเอสย่า (Esja หรือเอสยัน Esjan) ที่สามารถมองเห็นนอกหน้าต่าง Harpa (ฮาร์ป้า) ถูกใช้เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์และศูนย์การ ในช่วงค่ำจะมีไฟประดับที่สวยงามมาก

 

ไอซ์แลนด์์
photo : https://guidetoiceland.is

 

ถัดมาคืออาคารไข่มุก Perlan (แพร์ลัน) ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของ โยฮันเนส คยาร์วัล (Johannes Kjarval) ศิลปินในยุค 1930 โดยออกแบบให้ด้านข้างของโดมตกแต่งด้วยกระจกเพื่อให้แสงเหนือสามารถส่องลงมาถึงตัวผู้ชมที่อยู่ภายใน ส่วนหลังคาประดับตกแต่งด้วยคริสตัลหลากสีสัน เมื่อมีแสงสาดลงมาจากชายคาจะช่วยส่องให้ทั่วอาคารสว่างไปทั่วบริเวณ เป็นการออกแบบเพื่อให้ตัวอาคารสามารถรับแสงธรรมชาติทั้งวันและกลางคืนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ประเทศไอซ์แลนด์ได้รับตำแหน่ง 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเยือนในช่วงฤดูหนาวจาก CNN ซึ่งเราก็ขอการันตีว่า ถึงแม้ไอซ์แลนด์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่หนาวที่สุดในยุโรป แต่ก็มีน้ำพุร้อนตามธรรรมชาติหลายแห่งให้พอคลายหนาวได้ แถมยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการเล่นไอซ์สเก็ตบนทะเลสาป Tjornin หรือแช่ในสระว่ายน้ำธรรมชาติที่มีความร้อนจากใต้พิภพ (Geothermal Swimming Pools) และในทุก ๆ ปี จะมีการจัดงาน Winter Light Festival ขึ้นที่กรุงเรคยาวิกแห่งนี้อีกด้วย ดังนั้นไอซ์แลนด์จึงเป็นประเทศที่เหมาะแก่การพักผ่อนในฤดูหนาวด้วยประการทั้งปวง

 

ผู้เขียน : ศตวรรษ

 

อ่านเพิ่ม

สัมผัสมหัศจรรย์แห่งทุ่งน้ำแข็ง หิมะ และน้ำพุร้อน ที่ไอซ์แลนด์ Ep.1

อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Business+ ฉบับเดือน พฤศจิกายน และเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560