Super Fresh คว้ารางวัล Business of the Year Award
รางวัลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแห่งปี จากเวที Top SME Awards 2017 เดินเครื่องแตกไลน์การผลิต พร้อมปูทางสู่การเป็นสมาร์ตฟาร์ม
การปลูกผักแบบ ‘ไฮโดรโปนิกส์’ หรือการ ‘ปลูกพืชไร้ดิน’ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการผุดขึ้นมาของฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ในรอบหลายปี สืบเนื่องมาจากการที่คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพจึงได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตที่สูง
แน่นอนว่า เมื่อความต้องการผู้บริโภคมีสูง ประกอบกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ชอบความสะดวกสบายของคนเมือง ธุรกิจผักไฮโดรโปนิกส์ก็ต้องรักษาคุณภาพ และปรับตัวให้ทันผู้บริโภคให้ได้ถึงจะสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาดได้เฉกเช่นเดียวกับ แบรนด์ Super Fresh ภายใต้ บริษัท เอซีเค ฟู้ดเทค จำกัด ซึ่งล่าสุดสามารถคว้าตำแหน่ง Business of the Year Award หรือรางวัลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแห่งปี จากเวที Top SME Awards 2017 มาครองได้สำเร็จ
ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำตลาดผักไฮโปนิกส์ Super Fresh มีจุดเริ่มต้นจากความฝันของอดีตวิศวกร ซึ่งก็คือ เกษมสันต์ เคียงศิริ ผู้เป็นบิดาของ พัณณิดา เคียงศิริ นั่นเอง
พัณณิดา เปรยให้ฟังว่าพ่อของเธอมีความฝันว่าบั้นปลายชีวิตอยากมีฟาร์มเป็นของตัวเอง ซึ่งนำมาสู่การศึกษาต่อยอดและทดลองปลูกผัก จนสามารถเริ่มธุรกิจอย่างจริงจังราวปี 2540 ภายใต้ บริษัท เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม จำกัด ฟาร์มปลูกผักด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ ภายในโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยยังอาศัยการนำเข้าผักสลัดจากต่างประเทศเป็นหลัก
ก่อนจะนำมาแปรรูปและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เอซีเค ฟู้ดเทค จำกัด โรงงานแปรรูปผักไฮโดรโปนิกส์ ตั้งแต่กระบวนการคัดเกรด ตัดแต่ง ล้างทำความสะอาด ตลอดจนแปรรูปเป็นผักสลัดคุณภาพ ผ่านการรับรองระบบสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร ของโรงงาน “GMP” และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร “HACCP” โดยมีกำลังการผลิตมากกว่า 100 ตัน/เดือน และมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Super Fresh มากกว่า 100 ชนิด ทั้งผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ สลัดมิกซ์ สลัดแพ็กสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ผักสมุนไพร น้ำสลัด และส่วนผสมโรยหน้าสลัดต่าง ๆ ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ พัณณิดา เคียงศิริ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม จำกัด เปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จของ Super Fresh ว่า Super Fresh เติบโตด้วยทีมงานและระบบที่สร้างขึ้นมา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคภายใต้โจทย์ “ปลูกพืชให้เหมาะสมในสายพันธุ์ที่ดีสุด ซึ่งแฟกเตอร์หนึ่งที่จะทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดีที่สุดก็คือ เรื่องของอากาศสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ดังนั้นแต่ละฤดูที่อากาศเปลี่ยนแปลงไป Super Fresh จึงต้องศึกษาสภาวะที่เหมาะสมกับฤดูกาล นั่นคือที่มาที่ทำให้ Super Fresh ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด”
พัณณิดา เล่าให้ฟังว่า “ในส่วนของโรงงาน Super Fresh ได้นำระบบ GMP และ HACCP เข้ามาใช้ และล่าสุดกับระบบ Thai GAP ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งผลิตได้ รวมถึงอนาคตอันใกล้จะนำระบบบาร์โค้ดมาใช้ เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพสินค้าที่ผู้บริโภคจะได้รับ และเน้นในเรื่องของตรวจสอบย้อนกลับไปยังกระบวนการผลิตของฟาร์ม ซึ่งช่วยให้เราประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้”