แสงเรืองรองจาก Omega

Dark Side of the Moon อีกหนึ่งไฮไลต์จาก Omega ที่น่าจับตามอง ด้วยคุณสมบัติเรืองแสงรอบตัว

 
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักนาฬิกายี่ห้อ Omega และเบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ๆ นี้คือ คุณภาพที่เชื่อถือได้ของนาฬิกา Omega ทุกเรือน

รุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Omega ก็คือ Omega Speedmaster โดยรุ่นแรกที่ผลิตออกมาคือ รุ่น CK2915 ในปี 1957 และได้ผลิต Speedmaster ออกมาเรื่อยๆ และต้นปีที่ผ่านมากับรุ่นล่าสุด “Omega Speedmaster Dark Side of the Moon”

กับภาพลักษณ์ใหม่อันโดดเด่นของตัวเรือนเซรามิก ที่ผ่านกระบวนการรังสรรค์ขึ้นด้วยนวัตกรรมพิเศษ ขณะที่เรือนเวลาสีเทานี้ยังมาพร้อมเอกลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันกับนาฬิการุ่นพี่อย่าง Speedmaster ซึ่งคุณสมบัติเด่นหลายประการของ Dark Side of the Moon ได้สร้างความโดดเด่นให้กับเรือนเวลารุ่นนี้ และแตกต่างไปจากรุ่นอื่นๆ เท่าที่แบรนด์เคยเปิดตัวแนะนำมา

เวอร์ชันนี้ของ Speedmaster ฝาหลังแกะสลักชื่อรุ่นว่า Dark Side of the Moon ส่วนวัสดุตัวเรือนสีขาว ถูกนำไปผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิ 20,000 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ภายในห้องอบความร้อนพลาสมาซึ่งบรรจุด้วยก๊าซชนิดต่างๆ จนทำให้เนื้อวัสดุกลายเป็นสีเทา ซึ่งต่างจาก Speedmaster รุ่นก่อนหน้า

ความโดดเด่นอยู่ที่สเกลแทคคิมิเตอร์ บนขอบตัวเรือนเซรามิกขัดด้าน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมครั้งแรกจาก Omega ควบคู่กับการบรรจุด้วยตัวเลขและเครื่องหมายหลักแสดงเวลาบนขอบตัวเรือน ซึ่งแกะสลักและแต้มสารเรืองแสงซุปเปอร์

OMEGA Speedmaster Grey Side of the Moon_311.93.44.51.99.001 (Custom)
ตัวเรือนของ Omega Speedmaster

ลูมิโนว่า ทำให้ผู้ใส่สามารถอ่านค่าสเกลแทคคิมิเตอร์นี้ได้อย่างชัดเจนในทุกสภาวะแสง เช่นเดียวกับกับสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนเม็ดมะยม ก็ยังคงแต้มด้วยสารเรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนว่าเช่นกัน

คุณภาพที่วางใจได้ คุณสามารถจับเวลา 12 ชั่วโมง หน้าปัดจับเวลา 60นาที ซึ่งขนานเป็นแนวเดียวกันตรงกับตำแหน่ง 3 นาฬิกา ทำให้อ่านค่าการจับเวลาได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และรวดเร็ว ส่วนเข็มจับเวลาวินาทีกลางเป็นงานเคลือบดำ แต้มปลายเข็มหัวลูกศรด้วยกรอบสีแดง และเคลือบด้วยสารเรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนว่าสีขาวเช่นเดียวกับบนเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีกลาง

ขณะที่หน้าปัดอันน่าประทับใจนี้ ยังปกป้องด้วยกระจกคริสตัลแซพไฟร์ กันรอยขีดข่วนรูปทรงกล่อง พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน รวมถึงกลไกจักรกลโครโนกราฟ “โค-แอ็กเซียล” ติดตั้งด้วย Si14 ซิลิคอน บาลานซ์ สปริง และเมื่อบวกกับหน้าปัดแพลทินัม 950 แบบแซนด์-บลาสต์ กับหน้าปัดย่อยแพลทินัมอีก 2 วง

Speedmaster Dark Side of the Moon จะยิ่งเพิ่มความสง่างามและความคลาสสิคมากยิ่งขึ้นให้กับคุณ…!!!