เส้นเลือดใหญ่ MINOR

จากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ( MINOR )ในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นรายได้มาจาก ธุรกิจโรงแรม ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทลูกอย่าง ‘บริษัท ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป จำกัด’ และจากนี้โลกจะได้ประจักษ์มากขึ้นกับการุกตลาดของไมเนอร์ในต่างแดน

ด้วยสไตล์การประกอบธุรกิจของ ไมเนอร์ ที่ควบทั้งบทบาทเจ้าของแบรนด์ รับจ้างบริหาร และร่วมทุนกับพันธมิตร นั่นทำให้โรงแรมในเครือมีหลากหลายแบรนด์ ได้แก่ อนันตรา, อวานี, เอเลวาน่า คอลเลคชั่น, โอ๊คส์, เปอร์ อควัม และทิโวลี ซึ่งเป็นที่พักครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 22 ประเทศ โรงแรมของไมเนอร์ กรุ๊ปจึงสามารถรองรับลูกค้าได้ทุกเชื้อชาติเลยทีเดียว
เห็นได้จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โรงแรมในสังกัดไมเนอร์มีจำนวนห้องพักเติบโตกว่า 300% โดยตัวเลขล่าสุด ณ สิ้นปี พ.ศ. 2558 ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป มีโรงแรมและเซอร์วิส สวีท กว่า 20 แบรนด์ อยู่ภายใต้การดูแลทั้งหมด 138 แห่ง รวมทั้งสิ้น 17,714 ห้อง แบ่งออกเป็นรูปแบบการลงทุนเอง 59 แห่ง และรับจ้างบริหาร 79 แห่ง

อนันตรา-Anantara
อนันตรา-Anantara

โรงแรมเครือ ไมเนอร์ มีทั้งหมด 22 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, มัลดีฟส์, จีน, อินโดนีเซีย, ศรีลังกา, เวียดนาม, มาเลเซีย, กัมพูชา, แทนซาเนีย, เคนยา, โมซัมบิก, บอตสวานา, นามิเบีย, แซมเบีย, เลโซโท, กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เซเชลส์, บราซิล และโปรตุเกสโดยในปีที่ผ่านมามีรายได้จากโรงแรมที่บริษัทลงทุนเองและรับจ้างบริหาร 15,283 19,270 ล้านบาท

โดยมี อนันตรา (Anantara) เป็นแบรนด์หลักของไมเนอร์  อวานี (Avani) แบรนด์ระดับไฮเอนด์ร่วมสมัย
เอเลวาน่า (Elewana) โรงแรมในทวีปแอฟริกา ประกอบด้วยบ้านพัก แคมป์ และโรงแรม  โอ๊คส์ (Oaks) ตั้งอยู่กลางใจเมืองประเทศออสเตรเลีย  เปอร์ อควัม (Per Aquum) เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องดีไซน์
ทิโวลี (Tivoli) นำเสนอความหรูหรา สง่างามแบบยุโรป มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวตามสถานที่นั้น ๆ

ไมเนอร์
ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป

จากคำกล่าวของดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป ระบุว่า “ความแข็งแกร่งของแบรนด์ คือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน แต่มีค่ามหาศาล อีกทั้งเป็นรากฐานในการสร้างการเจริญเติบโตในอนาคต กล่าวคือ ใช้แบรนด์เหล่านี้สนับสนุนการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ พร้อมกับขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ ต่อไป”
จนกระทั่งวันนี้ โรงแรมในเครือไมเนอร์ มีทั้งในส่วนลงทุนเองและรับจ้างบริหารกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศไทย, จีน, ออสเตรเลีย, คาบสมุทรอินเดีย, แอฟริกา และตะวันออกกลาง
แต่ทว่าธุรกิจโรงแรมจะทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุตสาหกรรมนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ โดยมีสถานการณ์แบ่งออกเป็นดังนี้

ประเทศไทย

ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว
• อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแข็งแกร่งและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
• ปี 2558 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวทั้งหมด 29.9 ล้านคน

แนวโน้มในอนาคต
• อนาคตจำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
• ประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ในปี 2559

แผนธุรกิจไมเนอร์
• ช่วงต้นปี 2558 รีแบรนด์โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ มาเป็นโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
• เปิดตัวโรงแรมอวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ แห่งที่ 2 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ประเทศออสเตรเลีย

ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว
• เนื่องจากเงินเหรียญออสเตรเลียอ่อนค่า ประกอบกับภาวะราคาน้ำมันและสินค้าผลิตภัณฑ์ตกต่ำ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการเดินทางท่องเที่ยวลดลง สนับสนุนให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
แนวโน้มในอนาคต
• อีก 2-3 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดเกิดใหม่ทวีปเอเชีย
• ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมผู้ให้บริการที่พักอาศัยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ
แผนธุรกิจไมเนอร์
• จากความนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ทำให้ โอ๊คส์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท มีโอกาสเติบโตในอนาคต

 คาบสมุทรอินเดีย

แนวโน้มในอนาคต
• ในระยะยาว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในคาบสมุทรอินเดียจะกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ยกตัวอย่าง มัลดีฟส์ที่มีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง, ศรีลังกาที่มีการเมืองมั่นคง หลังจากสงครามกลางเมืองได้สิ้นสุดลงปี 2552

แผนธุรกิจไมเนอร์
• มีแผนเปิดโรงแรมแห่งที่ 6 ในประเทศศรีลังกาช่วงกลางปี 2559

แอฟริกา

ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว
• ชายหาดงดงาม ซาฟารีมีเอกลักษณ์ ใกล้กับทวีปยุโรป
แนวโน้มในอนาคต
• องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาทวีปแอฟริกา 85 ล้านคน ภายในปี 2563 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย
แผนธุรกิจไมเนอร์
• รักษานักท่องเที่ยวจากตลาดดั้งเดิม ได้แก่ อังกฤษและอเมริกา ด้วยการให้บริการโรงแรมเพื่อการพักผ่อน

ตะวันออกกลาง

ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว
• ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยว ทำให้เมืองอาบูดาบีและดูไบกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว
แผนธุรกิจไมเนอร์
• ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ปรับจ้างบริหารโรงแรมทั้งหมด 11 แห่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง
• เปิดตัวแบรนด์อนันตราและอวานี ในปี 2558 ที่กาตาร์ ว่าที่เจ้าภาพฟุตบอลโลก ปี 2565

จีน

ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว 

• แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
• ตลาดท่องเที่ยวขนาดใหญ่

แผนธุรกิจไมเนอร์
• รับจ้างบริหารโรงแรม 3 แห่ง และมีแผนเปิดโรงแรมเพิ่มเติมในอนาคต

PER-AQUUM-Hotels-Resorts
PER-AQUUM-Hotels-Resorts

ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจที่มีโรงแรมครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ทำให้ผลประกอบการไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป ในปี 2558 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในเครือข่ายที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ และเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการที่พักระดับโลก ไมเนอร์ กรุ๊ป อัพเดตข่าวคราวที่น่าสนใจ พร้อมกับเปิดเผยผลประกอบการล่าสุดไว้ว่า

“หลังจากเข้าซื้อกลุ่มโรงแรมทิโวลี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประกอบกับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทำให้ผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน”

แต่ถ้าหากไม่นับรวมโรงแรมใหม่ ๆ จากรายงานดังกล่าวระบุว่า “ไตรมาส 1/2559 โรงแรมในเครือไมเนอร์ กรุ๊ปมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นเงินค่าเฉลี่ยต่อห้อง 4,731 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2558 ที่เคยมีรายได้เฉลี่ยอยู่เพียง 4,431 บาท โดยเครือไมเนอร์ กรุ๊ปยังคงได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่”

อวานี-Avaniเอเที่ยม
อวานี-Avaniเอเที่ยม

สำหรับปีนี้ ไมเนอร์ กรุ๊ปคาดว่า ตลอดทั้งปี ธุรกิจโรงแรมจะมีผลการดำเนินงานที่ดีจากธุรกิจโรงแรมที่มีอยู่เดิม และจากกลุ่มโรงแรมทิโวลีในโปรตุเกส ซึ่งจะเริ่มสร้างเม็ดเงินให้กับบริษัทเมื่อเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว (High Season) ของโปรตุเกส

ขณะเดียวกัน การประกาศเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของบริษัทในกลุ่มโรงแรมของ Sun International ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมจำนวน 8 แห่งในประเทศแซมเบีย, นามิเบีย, เลโซโท, บอตสวานา และสวาซิแลนด์ จะช่วยสร้างรายได้และเพิ่มผลกำไรของกลุ่มธุรกิจโรงแรมให้เติบโตได้ต่อไป