มิลเลเนียล

สร้างสุขภาพที่ดีในที่ทำงาน แบบหนุ่มสาวยุค Millennial

Millennial คำนี้กำลังมาแรงและจะได้ยินกันบ่อยมากขึ้น ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า เจนเนอเรชั่นนี้กำลังเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเข้ามามีอิทธิพลในทุกอุตสาหกรรม มีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าคนรุ่นก่อนๆและที่สำคัญเป็นกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ในที่ทำงาน

 

ดังนั้น บิสิเนสพลัสขอยกบทความดีดีจาก ดร. จอห์น ไฮส์ ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกีฬาและสมรรถภาพร่างกาย เฮอร์บาไลฟ์  ที่จะมาบอกเล่า วิธีปฏิวัติไลฟ์สไตล์ในที่ทำงาน  สร้างสุขภาพที่ดีและกระฉับกระเฉงแบบหนุ่มสาวยุค Millennial ใครที่อ่านจบแล้วอยากนำเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง ก็ไม่ว่ากัน

สร้างสุขภาพที่ดีในที่ทำงาน แบบหนุ่มสาวยุคมิลเลเนียล

คำว่า “ชาวมิลเลเนียล” (Millennial) อาจฟังดูไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าใหร่ แต่ไม่แน่ว่าคุณก็อาจเป็นหนึ่งในคนเจเนอเรชั่นนี้ ใครที่กำลังสงสัยว่าตัวเองคือ Millennial หรือเปล่า เอาง่ายคือถ้าเกิดระหว่างปี 1980-2000 ก็ใช่ การขยายตัวของคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาเพราะคาดกันเล่นๆว่าภายในปี 2020 ชาว Millennial จะมีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก และคิดเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของคนวัยทำงานทั้งหมด แถมร้อยละ 60 ของชาว Millennial จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย

 

ชาว Millennial เป็นเจเนอเรชั่นที่มีอิทธิพล มีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้า แถมยังเป็นกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในที่ทำงาน เช่น เป็นคนที่มองหาตัวเลือกใหม่ๆให้กับองค์กร สร้างความคล่องตัวสู่องค์กร และเป็นผู้สร้างความสมดุลระหว่างชีวิตกับการงาน ถึงฟังดูดีก็จริง แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่ดี นั่นเพราะพนักงานต้องใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศมากขึ้นกว่าเดิม จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง

 

ผลสำรวจต่าง ๆ เช่น ผลวิจัยเกี่ยวกับทัศนคติด้านสุขภาพของผู้บริโภค ปี 2016 ของบริษัท เอออน ฮิววิท ที่ปรึกษาด้านการบริหารงานบุคคลชื่อดังระดับโลก ชี้ให้เห็นว่า ชาว Millennial คิดว่าการมีสุขภาพดีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะ “ช่วยให้พวกเขาดูดีที่สุดและรู้สึกยอดเยี่ยมที่สุด” อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับต้องดิ้นรนที่จะใช้ชีวิตแบบแอคทีฟระหว่างทำงานมากกว่าคนรุ่นไหน ๆ

 

ผลสำรวจโภชนาการในที่ทำงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเฮอร์บาไลฟ์ ที่จัดทำขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2559 โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 5,500 คน พบว่า ร้อยละ 58 ของคนยุค Millennial รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตแบบแอคทีฟระหว่างทำงาน เทียบกับคนรุ่นอื่นที่มีเพียงร้อยละ 49 ที่พบว่าการใช้ชีวิตแบบแอคทีฟในออฟฟิศเป็นเรื่องยาก

 

มิลเลเนียล

ในประเทศไทย 8 ใน 10 ของชาว Millennial  ใช้เวลานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ 6-13 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งไปกว่านั้น มากกว่าครึ่งหนึ่งของคนเจเนอเรชั่นนี้เคลื่อนไหวร่างกายระหว่างทำงานน้อยกว่า 30 นาทีต่อวัน ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อมูลที่ว่า 8 ใน 10 ของชาว Millennial ในไทยพยายามที่จะใช้ชีวิตแบบกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดี และส่วนใหญ่เข้าใจเป็นอย่างดีถึงผลเสียต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับไลฟ์สไตล์แบบนั่งอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวเพิ่ม ระบบการย่อยอาหารไม่ดี หรือความเครียดก็ตาม

 

เห็นได้ชัดว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องแก้ไขในที่ทำงาน และบริษัทหรือนายจ้างก็สามารถมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ ด้วยการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมและช่วยให้พนักงานได้ใช้ชีวิตแบบกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดี ซึ่งจะเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่คนทำงานค่อนข้างเปิดกว้างกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในที่ทำงานมากกว่า โดยผลสำรวจโภชนาการในที่ทำงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเฮอร์บาไลฟ์ ชี้ว่า ร้อยละ 71 ของชาว Millennial จะรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้นหากการบริหารร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร

 

บริษัทสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสุขภาพที่ดีได้หลากหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น อาจจัดหาสถานที่ออกกำลังกายที่สะดวกสบายในบริษัท จัดกิจกรรมออกกำลังกายแบบกลุ่มเป็นประจำ และจัดกิจกรรมสร้างทีมเวิร์คแบบเน้นการใช้ร่างกายอย่างกระฉับกระเฉง อาทิ กีฬาสีหรือการปั่นจักรยานร่วมกัน เป็นต้น

 

นอกจากนี้ บริษัทอาจจัดการแข่งขันสนุกๆ เช่น การใช้แอพลิเคชั่นสำหรับฟิตเนสเพื่อดูว่าพนักงานแผนกใดบ้างที่ใช้บันไดมากที่สุดในหนึ่งเดือน โซเชียลมีเดียก็ช่วยได้เช่นกัน โดยอาจจะแชร์ข้อมูลบนเครือข่ายอินทราเน็ตเรื่องวิธีการบริหารร่างกายในที่ทำงาน รวมถึงบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจของพนักงานที่สามารถทำงานได้ดีพร้อมกับได้บริหารร่างกายไปด้วย และยังทำให้มีรูปร่างที่สมส่วน

 

มิเลนเนียล

 

แน่นอนว่าโภชนาการก็สำคัญเช่นกัน บริษัทต่าง ๆ สามารถส่งเสริมให้พนักงานรับประทานอาหารว่างที่ดีต่อสุขภาพด้วยการซื้ออาหารว่างตุนไว้ในครัวของบริษัท เช่น ผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งดีต่อการดูแลน้ำหนัก

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทของคุณจะไม่สนใจที่จะปรับเปลี่ยนที่ทำงานให้เอื้อต่อการมีสุขภาพที่แข็งแรงเท่าไรนัก คุณก็ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถทำได้ขณะทำงานเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณมีไลฟ์สไตล์แช่นเดียวกับชาว Millennial ร้อยละ 48 ที่ร่วมตอบแบบสอบถามของเฮอร์บาไลฟ์เกี่ยวกับการสำรวจโภชนาการในที่ทำงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่คนกลุ่มนี้บอกว่าได้ออกกำลังกายเพียงแค่หนึ่งครั้งหรือน้อยกว่านั้นต่อสัปดาห์

 

หนึ่งในสิ่งที่ง่ายที่สุดทว่าสำคัญที่คุณสามารถทำได้ก็คือ พยายามไม่นั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ ลองพักเบรคสั้น ๆ บ้าง แล้วก็ยืนขึ้นเพื่อยืดเส้นยืดสายตรงโต๊ะของคุณ ลองเดินในออฟฟิศ ไปที่ส่วนครัวหรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแทนที่จะส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ และแทนที่จะรับประทานอาหารที่โต๊ะของคุณบ่อย ๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านข้างนอกบ้าง หรืออาจจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกายเพิ่ม

 

และไม่ใช่เพียงรอบเอวของคุณเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ดี ๆ จากการมีไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดีระหว่างทำงาน การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่ดีก็จะช่วยให้คุณดูดีขึ้น และเพิ่มระดับพลังงานที่ช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้นด้วย ไม่แน่ว่าในขณะที่คุณมุ่งมั่นกับการดูแลร่างกายให้แข็งแรงขึ้นอยู่นี้ คุณอาจจะโชว์ฟอร์มทำงานดีขึ้นจนมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นก็เป็นได้นะ!

 

คุณสามารถเช็คความก้าวหน้าของตัวเองด้วยการตั้งปฏิทินหรือตารางออกกำลังกายไว้ที่โต๊ะทำงาน และเพื่อให้มีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้น ลองชวนเพื่อนร่วมงานมาใช้เวลาเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นไปด้วยกัน อย่างเช่น ชวนกันเดินหาร้านข้าวกลางวันเจ้าใหม่ที่น่าสนใจและอยู่ในละแวกใกล้ ๆ ที่ทำงานก็ได้

 

มิลเลเนียล

 

แม้ว่ากิจกรรมในตารางทำงานประจำวันของคุณจะเป็นกิจกรรมเบาๆ โภชนาการด้านกีฬาก็สามารถช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายในการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงได้ หรือแม้กระทั่งเวลาคุณตั้งใจจะลดน้ำหนักก็ตาม คุณก็ต้องบริโภคสารอาหารให้เพียงพอเพื่อรักษาระดับพลังงานเอาไว้ รวมทั้งเพื่อใช้ในการออกกำลังกายด้วย แน่นอนว่าคุณควรหลีกเลี่ยงอาหารจั๊งค์ฟู้ด และเลือกรับประทานกล้วยและผลไม้อื่น ๆ แทน ตลอดจนดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนเชค

 

นอกจากนี้คุณยังใช้วิธี “รับประทานของว่างอย่างฉลาด” ได้ด้วย นั่นคือ รับประทานให้น้อยลง ในปริมาณที่เหมาะสมกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการดีและไม่ทำให้รอบเอวขยายอีกด้วย